เผายาสมุนไพร

ว่ากันด้วยเรื่องของ “เผายาสมุนไพร”

เผายาสมุนไพร คืออะไร ?

การ เผายาสมุนไพร คือเวชปฏิบัติแผนไทยที่ใช้หลักการเพิ่มธาตุไฟเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยใช้การเผาไฟเพื่อทำให้เกิดความร้อนผ่านเครื่องยาสมุนไพรไปทำปฏิกิริยากับชั้นผิวหนัง กล้ามเนื้อ  เอ็น  และข้อต่อเน้นการใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน เพื่อรักษาผู้ป่วยธาตุไฟหย่อน

หัตถการเผายาสมุนไพรมักทำบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แผ่นหลัง ขา หรือรักษาอาการเฉพาะจุด เช่น หัวเข่า หน้าท้องบริเวณรอบสะดือ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเส้นประธานสิบตามหลัก

ประวัติความเป็นมาของการเผายาสมุนไพร

“ศาสตร์การเผายาสมุนไพร มีมาตั้งแต่สมัยโบราณในยามเกิดอุบัติเหตุหรือไม่สบายกาย ชาวบ้านจะทำแคร่ยกพื้นสูง ปูด้วยไม้ไผ่ผ่าเป็นซี่ ด้านบนมีใบไม้สมุนไพรหลายชนิด เช่น ใบเปล้า ใบหนาด จากนั้นจะนำคนเจ็บขึ้นไปนอน โดยสุมไฟอ่อนๆ อยู่ด้านล่าง”

ทฤษฎีการแพทย์แผนไทยกล่าวว่า ร่างกายประกอบด้วยไฟ 4 กอง เมื่อใดก็ตามที่ไฟอ่อน ลมจะพัดได้ไม่ดี ทำให้การไหลเวียนภายในร่างกายติดชัด ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ แพทย์แผนไทยมีการบำบัดรักษาความเจ็บป่วยด้วยการใช้ไฟจากธรรมชาติ รวมถึงการใช้ความร้อนเพื่อรักษาธาตุไฟ ในร่างกายให้สมดุลหลากหลายวิธี เช่น การอยู่ไฟ การใช้ลูกประคบ การอบสมุนไพร การย่างยา และการเผายาสมุนไพร

อาจารย์แพทย์แผนไทยสุรศักดิ์ สิงห์ชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก อธิบายเรื่องการเผายาสมุนไพรว่า จากการศึกษาคั้นคว้าพบว่า  ศาสตร์การเผายาสมุนไพรน่าจะมีที่มาจาก การย่างยาสมุนไพรซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในยามเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม ตกต้นไม้ ตกเกวียน หรือไม่สบายกายชาวบ้านจะทำแคร่ยกพื้นสูง  ปูด้วยไม้ไผ่ผ่าเป็นชื่ ด้านบนมีใบไม้สมุนไพรหลายชนิด เช่น ใบเปล้าใบหนาด จากนั้นจะนำคนเจ็บขึ้นไปนอน  โดยสุมไฟอ่อน ๆ อยู่ด้านล่าง

“ผมพบว่าหมอยาทางภาคอีสานนิยมย่างยากันมาก ทำแล้วได้ผลดี ต่อมาเพื่อให้รักษาได้ง่ายขึ้น จึงประยุกต์ปรับปรุงกลายมาเป็นการเผายาโดยหมอยาพื้นบ้านใช้สมุนไพรหลักใกล้เดียงกับการทำลูกประคบ มีหัวไพล ขมิ้น ตะไคร้ ผิวมะกรูด ส้มปอย ช่วยแก้อักเสบ และใบสมุนไพรอื่น ๆ ตามแต่ละภูมิภาคเสริมเข้ามา บางพื้นที่พบการใช้ผักบุ้งร่วมด้วย”

 

กรรมวิธีการเผายาสมุนไพรประกอบด้วยเภสัชวัตถุ 2 ประเภทคือ พืชวัตถุและธาตุวัตถุ

พืชวัตถุ  ใช้สมุนไพรฤทธิ์ร้อนหลายชนิด  ช่วยลดอาการอักเสบปวด บวม  เคล็ดขัดยอก เป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายในชุมชนหรือตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น เช่น หัวไพล ขมิ้น ตะไคร้ ผิวมะกรูด ใบส้มป่อย ขิง ข่า นำมาสับหรือบดพอหยาบแล้ววางบนตัวคนไข้ในตำแหน่งที่ต้องการรักษา เกลี่ยให้มีความหนาพอสมควร

จากนั้นใช้ธาตุวัตถุ คือผงการบูร โรยลงไปเพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้จุดไฟติด

“พอไฟเริ่มอ่อน พ่อหมอจะโรยผงการบูร ควันขึ้นโขมงเลย นี่คือวิธีโบราณ  นิยมผากลางแจ้ง ใต้ต้นไม้ หรือตามลานบ้าน  เพราะมีควันมาก สมัยผมเรียนเห็นการเผายาทั้งทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ จึงยืนยันไม่ได้ว่าใครเป็นต้นตำรับ การเผายาที่ผมเห็นเป็นองค์ความรู้ที่สืบต่อกันมา”

สมุนไพรที่นิยมใช้เผายา

  • เหง้าโพล สรรพคุณ แก้ปวดเมื่อย ลดอาการอักเสบ ลดบวม
  • ผิวมะกรูด สรรพคุณ มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยแต่งกลิ่น
  • ตะไคร้บ้าน สรรพคุณ แก้เคล็ดขัดยอก ช่วยแต่งกลิ่น
  • ใบมะขาม สรรพคุณ แก้อาการคันตามผิวหนัง ทำความสะอาดผิว
  • ขมิ้นอ้อย สรรพคุณ ลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนัง
  • ใบสัมป๊อย สรรพคุณ บำรุงผิว แก้โรคผิวหนัง
  • เกลือแกง สรรพคุณ  ช่วยดูดความร้อน ช่วยพาตัวยาซึมผ่านผิวหนัง
  • การบูร สรรพคุณ แต่งกลิ่น

ประโยชน์ของการ เผายาสมุนไพร

  • ช่วยเพิ่มธาตุไฟในร่างกาย เพื่อบรรเทาอาการเลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก
  • ลดอาการปวดเมื่อยและกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง
  • ขับลมในลำไส้ แก้อาการอึดแน่นท้อง
  • แก้อาการท้องผูก

ตำแหน่งที่เผายาสมุนไพร

โดยทั่วไปใช้กับมัดกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ คือกล้ามเนื้อบ่า หลัง หน้าท้อง ขา เข่า

ข้อควรระวังของการเผายาสมุนไพร

  • ผู้ที่มีอาการชาตามผิวหนัง
  • ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต
  • ผู้ป่วยเบาหวาน
  • ผู้ป่วยที่เคยแพ้พืชหรือสมุนไพร

ข้อควรปฏิบัติขณะเผายาสมุนไพร

  • ห้ามหลับขณะเผายา
  • เมื่อรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณผิวหนังให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

 

ที่มา : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 580

 


 

เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.