อาการเจ็บป่วยไม่ร้ายแรง เช่น เป็นหวัด เป็นไข้ ท้องเสีย ปวดหัว ท้องผูก ฯลฯ รวมถึงการประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย เช่นมีดบาด ฟกช้ำดำเขียว เกิดขึ้นได้เสมอ อาการเหล่านี้มียาสามัญประจำบ้านที่สามารถใช้เพื่อรักษาในเบื้องต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์
ดังนั้นทุกบ้านจึงควรมี “ยาสามัญประจำบ้าน” ดังต่อไปนี้ ติดบ้านไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
- ยาดมและยาหม่องแก้วิงเวียนศีรษะ
- ยาลดไข้ และบรรเทาอาการปวด อาการไข้ คือ การที่ร่างกายของเรามีอุณหภูมิตั้งแต่ 37.2 องศา ขึ้นไป ยาสามัญประจำบ้านที่ส่วนใหญ่เลือกใช้ คือ ‘พาราเซตามอล’
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรรับประทานยาพาราเซตตามอลมากกว่าวันละ 4,000 มิลลิกรัม หรือไม่เกิน 8 เม็ด (เม็ดละ 500 มิลลิกรัม) หากใช้เกินกำหนด อาจทำให้เสียชีวิตจากอาการตับวายได้
- เกลือแร่สำหรับอาการท้องเสีย
- ยาแก้แพ้หรือยาลดน้ำมูก ยาที่บรรเทาอาการเหล่านี้ได้คือ ‘คลอร์เฟนิรามีน’ แต่ไม่ควรกินยานี้เมื่อต้องขับรถหรือมีกิจกรรมสำคัญ
- ยาแก้ไอชนิดน้ำ ใช้บรรเทาอาการไอ รับประทานวันละ 3-4 ครั้งหรือจิบเวลามีอาการไอ
- ยาน้ำสำหรับลดอาการท้องอืดแน่นท้อง อาการท้องอืด เกิดจากภายในลำไส้และกระเพาะอาหารมีลม ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว อาจทำให้นอนไม่หลับและกระทบต่อการทำงาน ยาที่ช่วยบรรเทาอาการนี้คือยาน้ำลดกรด
- ยาทารักษาแผลสด แผลที่เกิดจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เช่นมีดบาด ล้มเป็นแผลถลอก เกิดขึ้นได้เสมอ นอกจากยาทารักษาแผลสดแล้ว ควรมีพลาสเตอร์ยา เพื่อปิดบาดแผลไม่ให้โดนสิ่งสกปรกจากภายนอกซึ่งจะทำให้เป็นแผลติดเชื้อได้
- น้ำเกลือล้างแผล ก่อนทายาอะไรก็ตามบนแผล ควรกำจัดสิ่งสกปรกออกด้วยน้ำเกลือล้างแผลก่อน เพราะน้ำเกลือเป็นน้ำสะอาดและบริสุทธิ์ ไม่ทำลายเนื้อเยื่อ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการล้างแผล
- ยาสำหรับทาผิวหนัง เมื่อมีปัญหาผดผื่นและระคายเคืองผิวหนังจนเกิดรอยแดง ยาที่ปลอดภัย ใช้งานง่าย และแทบไม่มีผลข้างเคียง คือ คาลาไมน์โลชั่น
- ยาระบาย การปล่อยให้อาการท้องผูกเกิดขึ้นบ่อย ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพโดยรวม จึงควรมียาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ คือ ยาระบายชนิดน้ำ ติดบ้านไว้ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนไหวจนเกิดการขับถ่ายออกมา
- ยาแก้เมารถ เมาเรือ หรือการเดินทางอื่นๆ ยาแก้เมารถเมาเรือ ที่ควรมีติดบ้านไว้พร้อมหยิบฉวยไปด้วยเมื่อต้องเดินทางไกล คือ ไดเมนไฮดริเนต ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ ไปจนถึงอาเจียนได้
วิธีเลือกซื้อยาสามัญประจำบ้าน
- เลือกซื้อยาที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์สภาพดี เม็ดไม่แตก รูปทรงไม่บิดเบี้ยว ไม่มีจุดหรือสีแปลกต่างจากเดิม ไม่มีกลิ่นผิดปกติ ยาน้ำต้องไม่มีตะกอน หรือหากเขย่าแล้วตะกอนต้องกระจายตัว
- เลือกยาที่ผลิตจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรืออย.
- ตรวจสอบแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต และวันเดือนปีที่หมดอายุ ที่ปรากฏอยู่บนบรรจุภัณฑ์
- เลือกซื้อยาจากร้านที่มีใบอนุญาตขายยา และจัดยาโดยเภสัชกร
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนซื้อยาทุกครั้ง โดยแจ้งประวัติการแพ้ยาหรือแพ้อาหารให้ทราบด้วย
วิธีการเก็บรักษายาเพื่อให้ยายังคงคุณภาพในการรักษาและไม่เสื่อมสภาพไปก่อนวันหมดอายุ
- ควรเก็บยาสามัญประจำบ้าน โดยแยกยารับประทาน เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาระบาย ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้แพ้ออกจากยาใช้ภายนอก
- ยารับประทานควรเก็บไว้คนละที่กับยาล้างแผล ยาทารักษาโรคผิวหนัง ฯลฯ เพื่อป้องกันการหยิบใช้ยาผิดประเภท
- จัดเก็บยาพร้อมฉลากยาที่ได้รับมา ไม่นำยาแต่ละชนิดมาปะปนกัน
- ควรเก็บยาไว้ในแผงเดิม และแกะยาออกจากแผงเมื่อจะกินในแต่ละครั้งเท่านั้น
- ยาบางชนิดควรเก็บให้พ้นแสงแดด ความชื้น ปิดฝาให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ
- ควรเก็บยาไว้ในที่แห้ง หรือในอุณหภูมิตามที่ระบุไว้บนเอกสารกำกับยา ยาบางชนิดจะระบุว่าให้เก็บไว้ในตู้เย็น
- ควรเก็บยาให้พ้นมือเด็ก
- ควรตรวจสอบวันหมดอายุของยาที่เก็บไว้สม่ำเสมอ
ข้อมูล : เภสัชกร อัษฎาวุธ อภัยใจ งานบริการจ่ายยาผู้ป่วยใน ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ การวิ่ง ใช้อวัยวะใดช่วยซัพพอร์ตบ้าง ?