ลดอาการปวดไมเกรน ได้ด้วยการปรับอาหาร
ปวดไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะที่สร้างความรำคาญให้แก่ผู้ป่วยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศที่ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆโดยไม่ได้เคลื่อนไหวหรือขยับตัวไปทำกิจกรรมอย่างอื่น ส่งผลให้กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงศีรษะได้เพียงพอ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแลหรือป้องกัน อาจกลายเป็นอาการปวดเรื้อรังและเป็นโรคไมเกรนในที่สุด ลดอาการปวดไมเกรน
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไมเกรน
- สังเกตอาการไมเกรน
- สาเหตุอาการไมเกรน
- อาหารใดกินเข้าไปแล้ว เสี่ยงปวดไมเกรน
- ปวดไมเกรน รักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ?
ปวดหัวไมเกรนอ่านตรงนี้
ปรับอาหารเพื่อ ลดอาการปวดไมเกรน
มีอาหารและสารปรุงแต่งอาหารหลายชนิดที่มีผลหรือเป็นตัวกระตุ้นให้อาการไมเกรนกำเริบได้ โดยสารปรุงแต่งเหล่านี้จะไปกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในร่างกาย ส่งผลให้อารมณ์เปลี่ยนแปลง กลายเป็นตัวการทำให้อาการปวดศีรษะกำเริบ
สารปรุงแต่งอาหาร
• ผงชูรสหรือโมโนโซเดียมกลูตาเมต อาหารแทบทุกชนิดมักจะมีการเติมผงชูรสเข้าไปเพื่อเพิ่มความอร่อย เช่น มันฝรั่งทอด ซอส ซุป ขนมกรุบกรอบ อาหารฟาสต์ฟู้ด นักวิจัยเชื่อว่า สารโมโนโซเดียมกลูตาเมตทำให้สารสื่อประสาทที่ชื่อว่าเซโรโทนินในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง
และมีรายงานวิจัยพบว่าหนูทดลองที่ได้กินอาหารที่มีผงชูรสจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและเป็นโรคอ้วน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดจึงมีผลกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
อาหารทางเลือก ผงนัว ผักเชียงดา ผักหวาน
• สีผสมอาหาร พบว่าในบางครั้งการเติมสีในอาหารก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดไมเกรนมากกว่าการเติมรสชาติด้วยซ้ำ เช่น สาร FD&C yellow #5 หรือเรียกว่า ทาร์ทราซีนดาย (Tartrazine Dye) เป็นสีสังเคราะห์ที่ให้สีเหลืองมะนาว สามารถพบได้ในเครื่องดื่มและลูกกวาด สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนได้
อาหารทางเลือก สีธรรมชาติที่ให้สีเหลือง เช่น ขมิ้น อ้อย ดอกโสน ฟักทอง ดอกคำฝอย ดอกกรรณิการ์

• น้ำตาลและสารให้ความหวาน โดยปกติแล้วเมื่อเรากินน้ำตาลจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้อาการไมเกรนกำเริบ แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหรือไฮโปไกลซีเมียก็อาจส่งผลให้เกิดอาการไมเกรนได้เช่นกัน โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น
ดังนั้นควรระวังการกินน้ำตาลที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปจนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ องค์การอนามัยโลกระบุว่า ไม่ควรกินน้ำตาล (หมายถึงน้ำตาลที่เติมในอาหาร) เกินร้อยละ 5 ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน ซึ่งเท่ากับวันละ 6 ช้อนชา หรือ 25 กรัม
• แอสปาร์แตม คือสารเคมีให้ความหวานที่มักเติมเข้าไปในอาหาร เกิดจากการรวมตัวกันของกรดแอมิโน 2 ชนิด คือ แอสปาร์ติกและฟีนิลอะลานีน มักใส่ในอาหารที่ระบุว่าปราศจากน้ำตาล (Sugar -Free) อาหารแคลอรีต่ำ (Low – Calorie) และเครื่องดื่มต่างๆ
มีหลายรายงานการวิจัยระบุว่า สารแอสปาร์แตมทำให้ระดับของสารสื่อประสาทเซโรโทนินในร่างกายลดลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนและทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
อาหารทางเลือก หญ้าหวาน ชะเอมเทศ
อาหารและผักผลไม้
• ช็อกโกแลต แม้ผลงานวิจัยเรื่องช็อกโกแลตเป็นต้นเหตุของไมเกรนมีหลายฉบับที่ออกมาขัดแย้งกัน แต่ผู้ป่วยไมเกรนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้ากิน เพราะช็อกโกแลตมีสารฟีนิลเอทิลเอมีน (Phenylethylamine) และสารฮิสตามีน ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการเกิดอาการไมเกรน
อาหารทางเลือก แครอบเป็นพืชตระกูลถั่ว มีรสชาติคล้ายโกโก้ แต่ไม่มีกาเฟอีน และไม่มีสารฟีนิลเอทิลเอมีนที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน แถมยังอุดมด้วยสารแอนติออกซิแดนต์ วิตามินเอ บี ดี และแคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม

• ผักและผลไม้ มีสารธรรมชาติบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนได้ เช่น ผลไม้ตระกูลส้มที่มีสารไทรามีน (Tyramine) กล้วยหอมมีสารฮิสตามีนและไทรามีน รวมไปถึงอะโวคาโดและผักโขม ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากอาหารข้างต้นแล้วยังรวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ ซึ่งก็สามารถส่งผลให้อาการปวดไมเกรนกำเริบเช่นกัน
(อ่านเพิ่มเติม : อาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรน)
TIPS เล็กๆ น้อยๆ
1. ก่อนซื้ออาหารหรือผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทุกชนิด ควรอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนเพื่อเป็นการเช็กสารอาหารและสารเติมแต่งในอาหาร
2. เลือกร้านอาหารที่ไว้ใจได้ มีป้ายระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ใส่ผงชูรส หรือร้านอาหารออร์แกนิก
ข้อมูลจาก : คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 454
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- สูตรเครื่องดื่ม 5 สี ต้าน ปวดหัวไมเกรน อยู่หมัด
- สูตร อาหาร แก้ปวดหัวไมเกรน แค่ผสม 2 สิ่งนี้
- ตัดชนวน ปวดหัวไมเกรน ก่อนกำเริบ