เรียนปริยัติ ฝึกปฏิบัติ ณ “มูลนิธิแนบ มหานีรานนท์”
ธุระในพระพุทธศาสนามีอยู่ 2 ประการ คือคันถธุระ หรือการศึกษาเล่าเรียน และวิปัสสนาธุระหรือการฝึกขัดเกลากิเลส หากกิจทั้งสองอย่างนี้ยังบริบูรณ์และแพร่หลาย นั่นก็หมายความว่าพระพุทธศาสนายังดำรงอยู่หรือเจริญมากขึ้น นี่คือเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง “มูลนิธิแนบ มหานีรานนท์” แห่งนี้
ท่านอาจารย์แนบ มหานีรานนท์ เป็นบุตรีของพระยาสัตยานุกูล อดีตเจ้าเมืองกาญจนบุรี และคุณหญิงแปลก นางกำนัลในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2474 ท่านอาจารย์แนบเคยฝึกปฏิบัติธรรมจนรู้สึกว่า วิธีที่จะละกิเลสให้ได้อย่างแท้จริงนั้น น่าจะต้องรู้อยู่ที่อารมณ์ปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเที่ยวแสวงหาพระอาจารย์ที่สามารถบอกทางที่เป็นปัจจุบันให้เข้าใจได้
ปีต่อมาท่านอาจารย์แนบได้พบกับพระภัททันตะ วิลาสะ พระภิกษุชาวพม่าซึ่งแนะนำว่า การเจริญธรรมต้องกำหนดปัจจุบันอารมณ์ได้ทั้งหมดทุกทวาร ทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่ออาจารย์แนบเห็นว่าคำสอนนี้ตรงกับที่ท่านคิด จึงมอบตัวเป็นศิษย์พระภัททันตะ แล้วฝึกปฏิบัติด้วยการเรียนรู้รูป - นามกับท่านตั้งแต่นั้นมา
จนเมื่อ พ.ศ. 2487 ท่านเกิดปัญญารู้แจ้งจากการปฏิบัติ จึงเริ่มจัดสอนทั้งปริยัติและปฏิบัติ ที่วัดระฆังโฆษิตาราม วัดสามพระยาวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ สำนักนาฬิกาวันวัดป่าธรรมโสภณ และสนับสนุนการก่อตั้งสำนักปฏิบัติวิปัสสนาตามจังหวัดต่าง ๆ 41 แห่งต่อมาคณะศิษย์ซื้อที่ดินจำนวน 28 ไร่ เพื่อก่อตั้งเป็นมูลนิธิในนามของท่าน โดยเปิดสอนพระอภิธรรมและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในแนวมหาสติปัฏฐาน 4 แก่ภิกษุ แม่ชีและบุคคลทั่วไป มีพระวิปัสสนาจารย์คือท่านอาจารย์วรรณสิทธิ ไวทยะเสวี และอาจารย์นิยม ฤทธิ์เสือ ลูกศิษย์ของท่านอาจารย์แนบ
มูลนิธิแนบ มหานีรานนท์ มีเรือนกรรมฐานแบบเดี่ยวรองรับผู้ปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น 60 หลัง แบ่งเป็นเรือนกรรมฐานชาย30 หลัง และหญิง 30 หลัง บรรยากาศภายในสงบ ร่มรื่น ปลอดภัย และมีเครื่องอำนวยความสะดวกตามสมควร ที่นี่ไม่เน้นพิธีรีตอง ไม่มีกิจกรรมร่วมกัน และไม่มีการทำวัตรสวดมนต์ ผู้ปฏิบัติมีหน้าที่แค่เพียงเรียนรู้อยู่กับตัวเองเท่านั้น และที่สำคัญคือ ผู้ปฏิบัติธรรมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆทั้งสิ้น
ที่นี่จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายภายนอกแล้วหันมาศึกษาความจริงจากภายใน
การอบรมของมูลนิธิแนบ มหานีรานนท์จัดขึ้นครั้งละ 7 วัน แบ่งเป็น 2 ภาค
ภาค 1 ปริยัติ (ทฤษฎี) เรียน 3 วัน วันละ 5 คาบวิชา
เนื้อหากล่าวถึงการศึกษาพระพุทธศาสนาพื้นฐาน จิต เจตสิก รูป นิพพาน สังสารวัฏ อริยสัจ 4 ศีล สมาธิ ปัญญาสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน และสติปัฏฐาน เน้นอบรมให้ปฏิบัติโดยใช้วิธีกำหนดรูป - นามเป็นอารมณ์ ให้พิจารณาอิริยาบถใหญ่ทั้ง 4 คือ รูป นั่ง - นอน -ยืน - เดิน ให้รู้ทุกข์ และเห็นไตรลักษณ์ รูป - นาม เกิด ดับ
ภาค 2 ปฏิบัติ 4 วัน
ก่อนเข้าปฏิบัติ วิปัสสนาจารย์จะให้สมาทาน “อาชีวมัฏฐมกศีล” คือ 1. ห้ามฆ่าสัตว์ 2. ห้ามลักทรัพย์ 3. ห้ามล่วงประเวณี 4. ห้ามพูดเท็จ 5. ห้ามพูดคำหยาบ 6. ห้ามพูดส่อเสียด 7. ห้ามพูดเพ้อเจ้อ และ 8. ห้ามมิจฉาอาชีวะ แล้วให้ปฏิบัติดูรูป - นามในอิริยาบถใหญ่ทั้ง 4ภายในห้องพัก หรือเดินจงกรมรอบ ๆเรือนกรรมฐานเท่านั้น
เจ้าหน้าที่จะนำปิ่นโตอาหารคาว - หวาน (ไม่ใช่อาหารเจหรือมังสวิรัติ) พร้อมเครื่องดื่ม จัดส่งถึงเรือนกรรมฐานเช้ากลางวัน และเย็น (สำหรับฆราวาสผู้ถือศีล 5) สำหรับผู้ที่เข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรมดีแล้ว สามารถขอเข้าพักในเรือนกรรมฐานเพื่อปฏิบัติภาวนาได้เองตามสมควร
มูลนิธิแนบ มหานีรานนท์
ตั้งอยู่ที่ 84/1 หมู่ 2 พุทธมณฑลสาย 5 ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
โทร. 0-2889-4417, 0-2420-8024 เวลา 8.00 น. – 17.00 น. ทุกวัน ติดตามตารางการปฏิบัติธรรมหรือเรียนอภิธรรมออนไลน์ได้ที่ www.nab.or.th
บทความที่น่าสนใจ
ธรรมชาติ สอนธรรม ณ สถานปฏิบัติธรรม วัดทุ่งไผ่
ย้อนรอย อยุธยา ชมโบสถ์พุทธกลิ่นอายฝรั่ง ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ
7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
มาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช ประจำปีพ.ศ. 2561
วัดพระแท่นศิลาอาสน์ ปฏิบัติธรรมท่ามกลางความสงบและเรียบง่าย