ดอกมณฑา ดอกไม้แห่งวันอัฏฐมีบูชา
ผู้ใหญ่หลายท่านคงคุ้นเคยกันดีกับดอกไม้ชนิดนี้ ” ดอกมณฑา ” ดอกไม้ไทยที่ปลูกกันมานาน มีอีกชื่อหนึ่งว่า “มณฑารพ” ในมหาปรินิพพานสูตรกล่าวว่าดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้บนสวรรค์ เทวดาได้โปรดดอกมณฑารพลงมาจากสวรรค์ เพื่อสักการะพระสรีระของพระพุทธเจ้าในวันถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า หรือวันอัฏฐมีบูชา
วันอัฏฐมีบูชา หมายถึงวันถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า วันสำคัญทางพระพุทธศาสนานี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว 7 วัน ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6
ดอกมณฑา เป็นดอกหอมชนิดหนึ่ง ในถิ่นต่างๆของประเทศไทย เรียกชื่อดอกไม้ชนิดนี้ต่างกันออกไป เช่น ภาคใต้จะเรียกว่า จอมปูน จำปูนช้าง ส่วนภาคเหนือจะเรียกว่า ยี่หุบ
ในมหาปรินิพพานสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยเหตุการณ์การเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่า
ในวันที่ 7 ของงานพระศพของพระพุทธเจ้า เทวดาได้โปรยดอกมณฑารพลงมาจากสวรรค์เพื่อบูชาพระสรีระของพระพุทธเจ้า จำนวนดอกมณฑารพนั้นมากมายจนท่วมถึงหัวเข่า
ขณะนั้นพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระภิกษุ 500 รูปที่ไปธุดงภ์ที่กรุงปาวามา ได้ทราบข่าวการเสด็จปรินิพพานของพระพุทธเจ้าจึงเดินทางกลับมา เทวดาบันดาลไม่ให้ไฟลุกเผาพระสรีระของพระพุทธเจ้า เผื่อให้พระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระภิกษุกลับมาทัน
พระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระภิกษุ 500 รูป เดินทางใกล้ถึงกรุงกุสินารา เจอกับอาชีวกผู้หนึ่งเดินถือดอกมณฑารพผ่านมา พระมหากัสสปะจึงถามอาชีวกผู้นี้ว่า ท่านได้ข่าวการปรินิพพานของพระศาสดาของเราไหม อาชีวกตอบพระมหากัสสปะว่า พระองค์ปรินิพพานไปได้ 7 วันแล้ว และดอกมณฑารพที่เราถือว่ามานี้ เราก็เอามาจากที่นั้น
พระภิกษุที่ยังไม่บรรลุอรหันต์พากันเศร้าโศกเสียใจ พระมหากัสสปะจึงตักเตือนพระภิกษุเหล่านั้นว่าอยากได้เศร้าโศก ขอจงมุ่งไปยังที่พระสรีระของพระศาสดาประทับอยู่เถิด
เมื่อพระมหากัสสปะและภิกษุทั้ง 500 รูปมาถึงจิตกาธานแล้ว ได้กราบพระสรีระของพระพุทธเจ้าแล้ว เพลิงก็ลุกขึ้นเผาพระสรีระของพระพุทธเจ้าทันที
ในอรรถกถามหาปรินิพพานสูตรกล่าวว่าดอกมณฑารพนี้จะปรากฏในมนุษยโลกต่อเมื่อ ผู้มีฤทธิ์แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เช่น ตอนพระพุทธเจ้าประสูติจากพระครรภ์ของพระพุทธมารดา เป็นต้น
ดอกไม้ถึงจะมีกลิ่นหอมและรูปลักษณ์ที่ชวนให้หลงใหล พระพุทธศาสนามองว่าเป็นกิเลสที่เกิดจากการได้เห็นและได้กลิ่น แต่ดอกไม้ไม่ได้มีข้อเสียในฐานะสิ่งที่สร้างกิเลสเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันยังเป็นสิ่งที่ทำให้จิตเป็นกุศลอีกด้วย เช่นเดียวกับดอกมณฑาที่ทำให้เราระลึกถึงเหตุการณ์การถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า เมื่อระลึกแล้วจิตย่อมเป็นกุศล
ที่มา :
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
วันพุทธ เขียนโดย ผศ.ดร. ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์
84000.org
ภาพ : สวนพฤกษศาสตร์, dhammajak และ tairomdham
บทความน่าสนใจ
การพัฒนาจิต 2 วิธี ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน บทความธรรมะจากพระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ
สิ่งที่ พระนางพิมพา ทำเพื่อพระพุทธเจ้า…แง่มุมที่ชาวพุทธไม่ค่อยรู้
หนทางพระพุทธเจ้า หนทางของมหาบุรุษ
พร 8 ข้อที่ พระอานนท์ ทูลขอพระพุทธเจ้า
เรื่องเล่าวันพระพุทธเจ้าลอยถาดลงในแม่น้ำก่อนตรัสรู้ บทความเตือนสติ จากท่าน ว.วชิรเมธี
พระพุทธเจ้าผู้ทลาย ชนชั้นวรรณะ
รำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในวันวิสาขบูชาจากสังเวชนียสถาน
จัดสวนสวยด้วย 8 พรรณไม้ในพุทธประวัติ
ปัญหาธรรมประจำวันนี้: ปาฏิหาริย์ในพุทธประวัติ มีจริงหรือ
เปิดพระวินัย 4 ข้อ ที่ทำให้พระเป็นปาราชิก
พระโกณฑธานเถระ ภิกษุผู้มีสตรีติดตามอยู่เบื้องหลัง
คัมภีร์พระมาลัย คัมภีร์แห่งมิตรภาพและการสานสัมพันธ์ไทย-วาติกัน
พระจักขุปาละ ผู้มองเห็นแสงสว่างในความมืด
“ธรรมะชนะอ้วน” สูตร (ธรรมะ) ลดความอ้วน โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
ธนญชัยเศรษฐีสอนลูกสาวก่อนแต่งงาน คำสอนในพิธีแต่งงานสมัยพุทธกาล
ไหว้พระบรมสารีริกธาตุ และชมกู่เจ้าเมืองเหนือที่ วัดสวนดอก
“อย่าละเลยการอบรมเจริญสติ รู้เท่าทันกาย วาจา และใจ” สมเด็จพระสังฆราช ประทานคติธรรมวันวิสาขบูชา 2561