พระโกณฑธานเถระ ภิกษุผู้มีสตรีติดตามอยู่เบื้องหลัง
ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ มีพระภิกษุ 2 รูปเป็นสหายรักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อแบ่งปันเสมือนหนึ่งว่าเกิดจากครรภ์มารดาเดียวกัน วันหนึ่งพระภิกษุ 2 รูปนั้นจะไปทำอุโบสถที่โรงอุโบสถ ระหว่างทาง พระภิกษุรูปหนึ่งปวดอุจจาระ จึงบอกสหายให้คอยอยู่ก่อน ส่วนตนจะขอแวะทำสรีรกิจในพุ่มไม้ พระโกณฑธานเถระ
ขณะนั้น เทวดาผู้เกิดในดาวดึงส์ ซึ่งมีนิสัยเกเรองค์หนึ่ง เห็นพระภิกษุทั้งสองรูปรักใคร่กลมเกลียวกันยิ่งนัก อยากจะให้แตกกัน จึงปลอมเพศเป็นหญิงสาวสวย เมื่อพระภิกษุรูปนั้นทำสรีรกิจเสร็จแล้วเดินออกมา เทวดาในรูปของหญิงงามก็จงใจเดินตามออกมาจากพุ่มไม้ด้วย เพื่อให้สหายที่คอยอยู่เห็นครั้นเมื่อเทวดารู้ว่าพระภิกษุผู้รอคอยเห็นพฤติกรรมของตนแล้ว ก็ซ่อนกายหายไปจากที่ตรงนั้น
เมื่อพระภิกษุรูปนั้นเดินเข้ามาใกล้ พระภิกษุผู้รอคอยได้กล่าวขึ้นว่า “ผู้มีอายุ ศีลของท่านวิบัติเสียแล้ว”
“ทำไมหรือท่าน” พระภิกษุรูปที่เพิ่งทำสรีรกิจเสร็จกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ข้าพเจ้าเห็นหญิงรุ่นสาวคนหนึ่งเดินตามหลังท่านออกมาจากพุ่มไม้ เธอเกล้าผมเสียใหม่และจัดแจงผ้านุ่งให้เรียบร้อย การเข้าไปของท่านก็มิใช่ประเดี๋ยวประด๋าว อาการอย่างนี้จะให้หมายความว่าอย่างไร นอกจากศีลของท่านได้ถึงความวิบัติกับสตรีนั้นแล้ว ท่านอย่าปฏิเสธเลย ข้าพเจ้าเห็นกับตาตัวเอง” พระภิกษุผู้รอคอยตอบ
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พระภิกษุรูปนั้นตกใจเป็นอันมาก กล่าวว่า “ท่านอย่าให้ข้าพเจ้าต้องวิบัติเลย ข้าพเจ้ามิได้ทำกรรมอย่างนั้นจริงๆ”
แต่พระภิกษุผู้สหายไม่ฟัง เมื่อถึงโรงอุโบสถ พระภิกษุผู้เห็นเหตุการณ์ก็ไม่ปรารถนาจะทำอุโบสถร่วมด้วย เพราะถือว่าพระภิกษุอีกรูปหนึ่งไม่มีศีลเสียแล้ว ท่านได้บอกแก่สงฆ์ในชุมนุมนั้นว่าได้เห็นมาอย่างไร ส่วนภิกษุผู้ถูกกล่าวหาได้พยายามชี้แจงว่ามิได้ทำกรรมอย่างนั้น จึงอ้อนวอนขอความเห็นใจจากสงฆ์
ฝ่ายเทวดาที่กลั่นแกล้ง เมื่อเห็นเรื่องเลยเถิดไปอย่างนั้นก็เกิดร้อนตัวกลัวกรรม จึงยืนอยู่ในอากาศเล่าความจริงทั้งหมดให้เหล่าพระภิกษุฟัง และขอให้พระภิกษุทั้งสองจงทำอุโบสถร่วมกันเถิด
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น ภิกษุผู้เห็นเหตุการณ์จึงยอมทำอุโบสถร่วม แต่ความสนิทชิดเชื้อกลับมิได้เหมือนเดิมเสียแล้ว
เมื่อสิ้นอายุ พระภิกษุทั้งสองบังเกิดในเทวโลก ส่วนเทวดาจุติ (ตาย) จากเทวโลกแล้วเกิดในอเวจีมหานรก และต้องหมกไหม้อยู่ในอเวจีหนึ่งพุทธันดร ครั้นในกาลแห่งพระพุทธเจ้าของเรานี้ ท่านจึงมาเกิดในเมืองสาวัตถี เมื่อเจริญวัยก็ได้บรรพชาอุปสมบท และนับแต่วันที่ท่านบวชก็ปรากฏรูปสตรีตามไปเบื้องหลังของท่านตลอด ภิกษุทั้งหลายจึงเรียกท่านว่า “โกณฑธาน”
ภิกษุทั้งหลายเห็นพระโกณฑธานมีสตรีตามหลังอยู่เสมอจึงรังเกียจ พากันทูลเรื่องนี้แก่พระเจ้าปเสนทิโกศลว่า “ภิกษุชื่อโกณฑธานเที่ยวไปโดยมีสตรีตามหลังอยู่เสมอ ยังความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่ภิกษุทุกรูป ขอพระองค์จงไล่ภิกษุนั้นออกเสียจากแคว้นเถิด”
ฝ่ายพระเจ้าปเสนทิโกศล เมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็เสด็จมายังเชตวนาราม ทรงให้ราชบุรุษล้อมที่อยู่ของพระโกณฑธานไว้ ทรงผินพระพักตร์ตรงไปยังด้านหน้าของกุฏินั้น พระโกณฑธานได้ยินเสียงอึงคะนึงจึงออกมายืนดูที่หน้ามุข ทันใดนั้นพระราชาก็ทรงมองเห็นว่าที่เบื้องหลังของพระโกณฑธานมีสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ด้วย แต่ครั้นเมื่อพระราชาทรงเข้าไปหาพระโกณฑธานภาพสตรีนั้นก็หายไป แม้จะทรงตรวจดูทุกหนแห่งก็มิทรงเห็นจึงตรัสถามว่า
“สตรีนั้นไปอยู่ที่ไหน พระคุณเจ้าโปรดบอกเถิด ข้าพเจ้าเห็นสักครู่นี้เอง”
“ขอถวายพระพร คนทั้งหลายก็พูดกันอย่างนี้เหมือนกันแต่อาตมภาพไม่เห็นสตรีนั้นเลย”
พระราชาจึงทรงขอให้พระโกณฑธานลองไปยืนที่หน้ามุขอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พระองค์ก็ทอดพระเนตรเห็นสตรีนั้นอีก จึงทรงแน่พระทัยว่าเป็นภาพหลอกตา หาใช่สตรีจริงไม่ จึงตรัสกับพระโกณฑธานด้วยความกรุณาว่า
“พระคุณเจ้า การที่มีรูปอันเศร้าหมองแก่สมณเพศเที่ยวติดตามอยู่เช่นนี้ไม่เป็นมงคล คนทั้งหลายจะไม่ถวายอาหารแก่ท่าน ขอท่านจงเข้าไปในพระราชวังเป็นเนืองนิตย์เพื่อรับอาหารบิณฑบาตจากข้าพเจ้าด้วยเถิด” กล่าวดังนี้แล้วก็เสด็จกลับ
พระภิกษุทั้งหลาย เมื่อทราบเรื่องนี้แล้วกลับโพนทะนาว่า “ดูเถิดผู้มีอายุทั้งหลาย! ขอท่านทั้งหลายจงดูกิริยาของพระราชาลามก พระองค์ได้ปวารณาพระโกณฑธานด้วยปัจจัยสี่แทนการไล่ออกจากวิหาร” และเมื่อพบพระโกณฑธานก็พากันกล่าวประณาม
ฝ่ายพระโกณฑธาน ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยปากโต้ตอบใครเลย แต่มาบัดนี้ เมื่อเข้าใจว่าพระราชาเป็นกำลังสนับสนุนก็กำเริบใจ กล่าวโต้ตอบภิกษุทั้งหลายว่า “พวกท่านนั่นแหละเป็นผู้ทุศีลพวกท่านเป็นคนชั่วช้าและพาผู้หญิงเที่ยวไป”
เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ พระภิกษุทั้งหลายจึงนำความนั้นกราบทูลพระศาสดา เมื่อพระองค์ทรงเรียกมาไต่ถามทั้งสองฝ่ายแล้ว จึงตรัสกับพระโกณฑธานว่า
“พระภิกษุเหล่านั้นเห็นหญิงเที่ยวไปกับเธอจึงกล่าวเช่นนั้น แต่เธอไม่เห็นหญิงเที่ยวไปกับพระภิกษุเหล่านั้นเลย เหตุไฉนจึงไปด่าว่าเขา การที่เธอมีภาพหญิงเที่ยวติดตามไปเบื้องหลังนั้น เพราะกรรมอันลามกของเธอในอดีต เหตุไฉนในบัดนี้จึงถือทิฏฐิชั่วอีกเล่า”
พระภิกษุทั้งหลายทูลถามว่า ภิกษุชื่อโกณฑธานได้ทำกรรมอะไรไว้ พระศาสดาทรงแสดงบุพกรรมของพระโกณฑธานเมื่อสมัยเป็นเทวดา แล้วตรัสเตือนพระโกณฑธานว่า
“เธออาศัยกรรมอันชั่วช้าของตน จึงได้รับผลอันแปลกประหลาดเช่นนี้ บัดนี้ไม่ควรถือทิฏฐิชั่ว กล่าวคำหยาบกับใคร ๆ เพราะเมื่อเขาถูกด่าว่า ก็จะด่าว่าท่านตอบมา อันการกล่าวแข่งดีกันนั้น เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ แล้วโทษต่างๆ จะหวนกลับมาถึงตัวท่าน ถ้าท่านทำตนไม่ให้หวั่นไหว (อยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่มีปากไม่มีเสียง) เหมือนกังสดาล (ระฆัง) ที่ปากขาดแล้ว ท่านก็จะถึงนิพพาน”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พระโกณฑธานก็ตั้งตนอยู่ในโอวาทของพระศาสดา ไม่นานนักก็ได้บรรลุอรหัตตผล
ที่มา : บทความนี้เคยลงตีพิมพ์ในนิตยสาร Secret เรื่อง เก็บมาเล่าโดย ขวัญ เพียงหทัย คอลัมน์ Dhamma Tales
ภาพ : https://pixabay.com
บทความน่าสนใจ
พระจักขุปาละ ผู้มองเห็นแสงสว่างในความมืด
ชวนเที่ยวไหว้ 5 พระอรหันต์ กิจกรรมนี้ทำได้ทุกเมื่อ
7 ขั้นตอนสู่ การนอนอย่างพระอรหันต์ ที่ใครๆ ก็ทำตามได้