กินแป้งมาก ทำให้ ปวดเมื่อย

กินแป้งมาก ทำให้ ปวดเมื่อย ได้ รู้รึยัง

รู้ไหมว่า การกินแป้งมากเกินไป ทำให้เรา ปวดเมื่อย

แค่กินอาหารก็ทำให้ ปวดเมื่อย …พูดไปคงจะไม่เชื่อ แต่เรื่องจริงค่ะ วันนี้เรามีข้อมูลจาก อาจารย์นายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนบำบัดและโภชนาการสำหรับนักกีฬา คอลัมนิสต์ประจำนิตยสารชีวจิต ที่ได้ระบุเอาไว้ถึงเรื่องนี้ค่ะ

เมื่อคาร์โบไฮเดรตทำให้เมื่อย

เมื่อร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตเข้าไป จะมีกระบวนการย่อยสลายให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส จากนั้นดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด โดยมีฮอร์โมนอินซูลินคอยลำเลียงกลูโคสให้เข้าไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายเพื่อเป็นพลังงานในการประกอบกิจกรรมต่างๆ แต่หากร่างกายมีภาวะไม่สามารถนำกลูโคสไปใช้ได้ ร่างกายก็จะเก็บกลูโคสเหล่านั้นไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน กลูโคสส่วนที่เหลือจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นไขมัน เพื่อใช้เป็นพลังงานสำรองในระยะยาว

จากความสำคัญในฐานะพลังงานหลักของร่างกายนี่เอง ทำให้การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องได้รับคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสมด้วย

แต่ทราบไหมว่าการกินอาหารประเภทแป้งมากเกินไปส่งผลเสียให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้ เนื่องจากแป้งที่มากเกินพอดี ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแป้งขัดขาว เมื่อร่างกายได้บริโภคเข้าไปแล้ว ทำให้เกิดปริมาณน้ำตาลสูงไม่คงที่ ภาวะนี้เรียกว่าปฏิกิริยา “ไกลเคชั่น” ซึ่งอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า เป็นปฏิกิริยาที่น้ำตาลในเลือดเกาะตามเนื้อเยื่อซึ่งเป็นโปรตีนต่างๆ และทำปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น เป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะไกลเคชั่นนั่นเอง

เมื่อน้ำตาลไปเกาะเนื้อเยื่อส่วนที่เป็นโปรตีนจนเป็นก้อน มีขนาดใหญ่ หรือเรียกว่า เอจีอี (AGEs : Advanced Glycation End-products) จะทำให้คุณสมบัติของโปรตีนเปลี่ยนไป โปรตีนเสื่อมคุณภาพ สูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทั้งกล้ามเนื้อและหลอดเลือด

เนื่องจากร่างกายเราส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยโปรตีนประมาณร้อยละ 26 และโครงสร้างของเนื้อเยื่อมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบเกือบทุกส่วน ทำให้กล้ามเนื้อขาดความยืดหยุ่นและส่งผลเสียมากมาย หลัก ๆ คือ

  1. ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อเสีย มีการยึดติดของกล้ามเนื้อและปวดบริเวณกล้ามเนื้อเวลาออกกำลังกาย
  2. ผิวหย่อนคล้อยเพราะโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนังขาดความยืดหยุ่น จับตัวกันเป็นก้อน ทำให้มีอาการเจ็บบริเวณที่เป็น
  3. เกิดภาวะดื้ออินซูลิน เพราะน้ำตาลสะสมในร่างกายมากเกินไป เซลล์ไม่สามารถนำไปกลูโคสไปแปลงเป็นพลังงานได้ แต่จะตีกลับมาเป็นกรดแล็กเตตแทน
ธัญพืชไม่ขัดสี, ข้าวกล้อง, โรคเกาต์, ผู้ป่วยโรคเกาต์, เกาต์

แล้วจะกินคาร์โบไฮเดรตอย่างไร

การเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์จากธัญพืชไม่ขัดสีเต็มเมล็ดแทนการรับประทานแป้งขัดขาว เช่น โฮลวีต ขนมปังจากไรย์เต็มเมล็ด และเลือกข้าวกล้องแทนข้าวขาว

เท่านี้ก็จะช่วยลดผลเสียที่จะเกิดจากการกินแป้งได้แล้ว

วิธีแก้ปวด ปวดเมื่อย แบบธรรมชาติ บอกลายาแก้ปวดได้เลย

พูดถึงอาการปวด แม้จะเป็นอาการไม่ร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญ หรือกระทบการใช้ชีวิตประจำวันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ และอีกสารพัด วันนี้ผู้เขียนจึงมี วิธีแก้ปวด แบบฉบับทำง่ายด้วยตนเองมาฝาก

วิธีแก้ปวดด้วยท่าหัวปักพื้น

จากการศึกษาเกี่ยวกับการบำบัดด้วยพลังตรงกันข้าม (Inversion Therapy) พบว่า ท่าโยคะหรือท่าบริหารร่างกายที่ใช้หัวปักพื้นจะช่วยลดอาการปวดจากความเครียด และอาการปวดตึงกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้ ยังช่วยล้างพิษในร่างกายโดยการทำให้เลือดไหลเวียนอย่างรวดเร็ว

วิธีแก้ปวดด้วยพริกไทยและขมิ้น

ความเผ็ดร้อนของสมุนไพร ทั้งสองชนิดมีสารคาเยนนีที่ดีต่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หากหาในรูปครีมได้ก็จะดี ถ้าไม่ก็สามารถกินสมุนไพรทั้งสองชนิดในรูปของอาหารได้

ใช้ขิงป้องกันการเกิดไมเกรน

เพราะขิงมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและลดอาการปวดได้ดี ขิงจึงเป็นสมุนไพรที่ช่วยป้องกันไม่ให้ไมเกรนลุกลามหรือเป็นมากขึ้น วิธีการคือ กินขิงสดเป็นอาหารหรือแช่ขิงสดลงในน้ำสะอาดแล้วดื่ม

ยาหม่องทาถู แก้อาการ ปวดเมื่อย เล็ก ๆ น้อย ๆ

เช่น ปวดศีรษะ แทนการใช้ยาพาราเซตามอล เพราะสมุนไพรในยาหม่องช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดอาการระคายเคือง คลายกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการปวด

ดื่มชาสติงกิง เนตเทิล วันละ 1 แก้ว เยียวยาอาการปวดข้อ

เพราะชาชนิดนี้มีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบจากโรคข้อได้เป็นอย่างดี พืชชนิดนี้ขึ้นอยู่ในประเทศแถบยุโรป แอฟริกาเหนือ และอเมริกาเหนือ เป็นพืชกลุ่มเดียวกับต้นตำแย แต่เรานำส่วนรากมาใช้(ดูสมุนไพรไทยทดแทนในตาราง)

เจาะลึก สมุนไพรไทย แก้ปวดเมื่อย

พูดถึงเรื่องอาการปวดเมื่อย แอดเชื่อว่าเป็นความบอบช้ำของคนทุกกลุ่ม เพราะไม่ว่าจะไลฟ์สไตล์แบบไหน มักมีอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดเข่า ไม่ว่าจะจากการออกกำลังกาย การทำงาน หรือการใช้ชีวิต และแน่นอนว่าสิ่งแรกๆ ที่เราคิดถึงว่าจะช่วยบรรเทาได้ คือยาหม่อง ยานวดสมุนไพรไทยกลิ่นแรง แต่วันนี้แอดจะชวนไปรู้จักกับนวัตกรรมใหม่ เพื่อการคลายปวด ที่สะดวกมากขึ้น คลายปวดได้ดีขึ้น

ขมิ้นชัน – หลายคนนึกไม่ถึงว่าขมิ้นชันจะช่วยในการแก้ปวดเมื่อยได้ เพราะเรามักพบในเรื่องของบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ แต่ที่จริงแล้ว สารเคอร์คูมินอยด์ ช่วยในการยับยั้งการหลั่เอมไซม์ที่ทำให้เกิดการอักเสบ และปวด บวม จึงทำให้ขมิ้นชันมีคุณสมบัติลดการปวด บวม และบรรเทาอาการอักเสบของข้อได้

ไพล – อีกหนึ่งสมุนไพรที่ช่วยในการบรรเทาปวด และอยู่ในตัวยาหลายตำรับ ด้วยมีสารสำคัญอย่างเคอร์คิวมิน จึงช่วยลดอาการอักเสบ แก้ปวด บวม ช่วยให้บรรเทาอาการปวดเมื่อยลงได้ แต่ไพลยังมีฤทธิ์ที่มากกว่านั้นคือ เป็นยาชาเฉพาะที่ รวมถึงยังมีสารที่ลดอาการปวด ทำให้รู้สึกปวดน้อยลง

ขิง – จากการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ พบว่าขิงมีคุณสมบัติในการรักษาและบรรเทาอาการข้อเสื่อม ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดินและลิวโคทริอีน ซึ่งเป็นสารที่เร่งให้เกิดการอักเสบ ซึ่งไม่เพียงช่วยบรรเทาอาการได้ แต่จากการวิจัยพบว่าขิงมีประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบ ได้ดีกว่ายาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่ยาสเตียรอยด์อีกด้วย


บทความอื่นที่น่าสนใจ

ไม่อดมื้อเช้า เคี้ยวข้าวให้ละเอียด ช่วยอายุยืน ลดความอ้วนได้

วิธี ฝึกกล้ามเนื้อ “ป้องกันล้ม” ในผู้สูงวัย

คุณหมอขอตอบ อ้วนแล้วเสี่ยงโรคมะเร็ง จริงไหม

ติดตามชีวจิตได้ที่

Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสารชีวจิต

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.