เลิกงดมื้อเช้า เคี้ยวข้าว 30 ครั้งก่อนกลืน ช่วยลดโรค ลดความอ้วนได้
ลดโรค ลดความอ้วนได้ เพียงแค่เรากินมื้อเช้าทุกวัน และต้องเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน หลักง่ายๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามและอาจไม่เห็นความสำคัญ แต่ความจริงหลักการนี้ส่งผลดีต่อร่างกายอย่างมาก จากข้อมูลของหนังสือ อ่อนวัยแน่ แค่ปรับฮอร์โมน โดย ฮิเดะยุกิ เนะโกะโระ สำนักพิมพ์ AMARIN Health ระบุไว้ ดังนี้
ทำไมต้องเคี้ยวอาหาร 30 ครั้งก่อนกลืน
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การหลั่งฮอร์โมนเลปตินและเกรลินจะเริ่มเสียสมดุล จากเดิมที่เลปตินหลั่งออกมาเมื่อกินถึงระดับร่างกายต้องการเพื่อให้อิ่ม ส่วนเกรลินหลั่งเมื่อกระเพาะอาหารว่างเพื่อให้หิว จากการวิจัยชิ้นหนึ่งได้ตั้งสมมติฐานว่า ปัญหาการเสียสมดุลของฮอร์โมนทั้งสองชนิดกระทบต่อศูนย์ควบคุมความอยากอาหาร ทำให้ทำงานไม่เต็มที่ จึงส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการกินของผู้สูงอายุที่กินแบบเกินพอดี และกินเฉพาะเนื้อสัตว์
หากต้องการกระตุ้นให้ฮอร์โมนทั้งสองชนิดยังทำงานเป็นปกติมากที่สุดแม้เริ่มเสียสมดุลแล้ว คือ “การเคี้ยวอาหารให้ได้ 30 ครั้งทุกก่อนกลืน” เนื่องจากการผลิตและหลั่งฮอร์โมนควบคุมความอยากอาหารจะดำเนินไปอย่างช้าๆ หากกินเร็วและเยอะเกินไป ระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่เลปตินจะหลั่งออกมาเต็มที่
ฉะนั่น การฝึกเคี้ยวอาหารให้ละเอียดราวคำละ 30 ครั้ง จนเป็นนิสัย เป็นการเพิ่มเวลาให้ระบบในร่างกายได้ทำงานเพิ่มขึ้น เฉลี่ยมื้อละ 30 นาทีเลยทีเดียว
ผลเสียของการรีบกินรีบกลืนคืออะไร
การปล่อยให้ร่างกายเผชิญภาวะเลปตินและเกรลินเสียสมดุลประจำ อาจเป็นเหตุนำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมาจากพฤติกรรมการกินเป็นสำคัญ กลุ่มคนที่มักติดนิสัยกินเร็วคือ คนทำงาน ซึ่งต้องทำงานแข่งกับเวลา จึงมีเวลาให้มื้อเช้าและมื้อกลางวันไม่กี่นาที
เมื่อการกินเร็วทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เพราะเรากินหมดก่อนที่ร่างกายจะส่งข้อมูลไปหน่วยรับอินซูลินว่า เกรลินหยุดทำงานแล้วได้ทัน อินซูลินยังถูกส่งออกมาต่อเนื่องทั้งที่ระดับน้ำตาลลดลงแล้ว เท่ากับว่าการกินเร็วคือการใช้อินซูลินไปโดยเปล่าประโยชน์
ส่วนการกินเยอะเกินไปเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ร่างกายจึงต้องเร่งผลิตอินซูลินเพิ่มเพื่อลดน้ำตาลเหล่านี้ ในระยะยาว พฤติกรรมนี้ยังทำให้การหลั่งอินซูลินผิดปกติ เซลล์ต่างๆ จึงเสื่อมสภาพ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการแก่ชรา ส่วนน้ำตาลส่วนเกินในกระแสเลือดจะถูกอินซูลินเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในตับและเนื้อเยื่อ จึงทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและกลายเป็นโรรอ้วนในท้ายที่สุด
การอดอาหารเช้าเป็นตัวการทำให้อ้วน
ความเครียดขัดขวางระบบประสาทซิมพาเทติกซึ่งทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมอาหาร จนไม่อาจทำงานได้เต็มที่ จึงทำให้ความอยากอาหารลดลง รวมถึงการใช้ชีวิตอย่างปล่อยปละละเลย เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ และขาดการออกกำลังกายเป็นเวลานานก็ทำให้ความอยากอาหารลดลงด้วย
นอกจากนี้จำนวนมื้อและเมนูอาหารก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากัน พฤติกรรมการกินเป็นไรย่อมส่งผลต่อร่างกายเช่นนั้นยกตัวอย่างเช่น การงดมื้อเช้า กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นมื้อกลางวัน ดื่มสังสรรค์เป็นมื้อเย็น แล้วกลับมากินบะหมี่ชามโตก่อนนอน
หลายคนคิดว่าการอดอาหารเช้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเมื่อมื้อเย็นก่อนนอนกินมาเต็มที่ หรืออีกไม่กี่ชั่วโฒงก็ถึงมื้อเที่ยง แต่สำหรับร่างกาย การใช้ร่างกายทำกิจกรรมโดยปราศจาคพลังงาน เปรียบเสมือนการขับรถโดยไม่เติมน้ำมัน ร่างกายจะเข้าใจว่า กำลังอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหาร จึงกักเก็บพลังงานเอาไว้ หากทำเช่นนี้จนเป็นนิสัย ระบบเผาผลาญจะบกพร่องและนำไปสู่การสะสมพลังงานในรูปของไขมันที่มากเกินไป
อีกทั้งการปล่อยให้ท้องว่าง ทำให้กินอาหารมื้อต่อไปมากขึ้น โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะมื้อเย็นหลังเลิกงาน เมื่อร่างกายเผาผลาญไม่เต็มที่ พลังงานที่เหลือจึงถูกเก็บสะสมเป็นไขมันเพิ่มอีก จนทำให้ไม่รู้สึกหิวในตอนเช้า ลักษณะนี้เกิดซ้ำเรื่อยๆ จนกลายเป็นต้นเหตุของโรคอ้วน
บางคนมีคำถามว่า ถ้าเปลี่ยนจากการงดมื้อเช้า มางดมื้อกลางวันแทนได้หรือไม่ หากมื้อเช้ามีความสำคัญมากเช่นนี้ คำตอบคือ การเว้นมื้อเที่ยงทำให้ท้องว่างนานเกินไป อีกทั้งการกินอาหารเมื่อเลยเวลามื้ออาหาร ยังกระทบต่อนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย สร้างความปั่นป่วนให้ระบบภายในต่างๆ ทำให้ช่วงเวลาท้องว่างยืดออกไป จึงนอนหลับได้ไม่เต็มที่ คุณภาพการนอนลดลง การทำงานของฮอร์โมนในช่วงเวลาต่างๆจึงผิดปกติไปทั้งหมด โดยเฉพาะฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งหลั่งเพิ่มขึ้นเมื่อปล่อยให้ท้องว่างนานเกินไป กลายเป็นผลเสียสารพัดอย่างที่คุณอาจคาดไม่ถึง
หากกังวลเรื่องน้ำหนักตัวหรือต้องการลดความอ้วน วิธีที่ดีกว่าการงดอาหารคือ “การกำจัดพลังงาน” ซึ่งหมายถึงการกินอาหารครบ 5 หมู่ แต่จำกัดปรมิาณแคลอรีให้เหลือเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณแคลอรีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยืนยันว่า วิธีนี้มีส่วนกระตุ้นการทำงานของเซอร์ทูอิน (เอนไซม์ที่มีผลต่อการชะลอวัย) เพราะมันจะทำงานได้ดีเมื่ออยู่ในสภาวะ “อดอาหาร” หรือ “ออกกำลังกาย ส่งผลให้อายุขัยของเซลล์ยืนยาวขึ้น
บทความอื่นที่น่าสนใจ
รวมคุณประโยชน์ วิตามิน A / C / K / D / E
ไม่อดมื้อเช้า เคี้ยวข้าวให้ละเอียด ช่วยอายุยืน ลดความอ้วนได้
กินอะไรจึงทำให้แก่ช้า อ่อนกว่าวัย แข็งแรง สุขภาพดี