นางเคธี โอซุลลิแวน ชาวอังกฤษ อายุ 41 ปี ดื่มโค้กมากถึงวันละ 6 ลิตร ซึ่งคิดเป็นพลังงาน 2,400 แคลอรี ด้วยปริมาณน้ำตาลถึง 162 ช้อนชา โดยเธอพยายามเลิกมาหลายวิธี แต่กลับไม่สำเร็จ
เคธีเล่าว่า ทุกครั้งที่พยายามจะหักดิบ ภายในไม่กี่ชั่วโมง เธอจะตัวเย็น เหงื่อออก และเริ่มสั่น หมอเองก็ไม่สามารถช่วยเธอได้ เพราะยังไม่มีใครสนใจเรื่องการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการติดเครื่องดื่มมากนัก โดยหมอลองให้เคธีเปลี่ยนมาดื่มโค้กสูตรไม่มีน้ำตาล เธอก็ยังต้องการความหวานของโค้ก หมอจึงให้เธอกินคาเฟอีนเม็ด ซึ่งก็ไม่เป็นผล
คุณแม่ลูกสามเริ่มดื่มโค้กตั้งแต่อายุ 13 ปี แต่ไม่รู้สึกถึงโทษ จนกระทั่งท้องลูกคนที่ 3 ซึ่งเธอมีภาวะโลหิตจาง เป็นผลมาจากการดื่มโค้ก และกินอาหารไม่ถูกต้อง หลังจากลูกชายคนเล็กเกิด หมอตรวจพบว่าเคธีมีไตข้างเดียวมาตั้งแต่เกิด จึงเป็นห่วงอย่างมากว่า การดื่มโค้กปริมาณมากจะทำให้ไตทำงานหนักเกินไป และติดเชื้อ
เจ้าตัวยังบอกว่า หลายปีที่ผ่านมา เธอเคยทรุดเพราะภาวะโลหิตจางมาแล้ว และเคยได้รับการถ่ายเลือดถึง 6 ครั้ง การดื่มโค้กตลอดเวลายังกลับทำให้เคธีรู้สึกกระหายน้ำและเหนื่อยบ่อยๆ และยังทำให้เธอต้องถอนฟันไปแล้วถึง 3 ซี่ เพราะผิวฟันโดนกัดกร่อน และสีฟันเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม เคธียังคงดื่มโค้ก และเสียเงินถึง 2,000 ปอนด์ต่อปีให้กับเครื่องดื่มชนิดนี้ โดยขวดลิตรแต่ละขวด ให้พลังงาน 400 แคลอรี และมีปริมาณน้ำตาล 27 ช้อนชา แต่เคธีดื่มถึงวันละ 6 ขวด แม้ว่าพลังงานทั้งหมดที่ผู้หญิงควรได้รับจะแค่เพียง 2,000 แคลอรีต่อวันเท่านั้น และแม้ว่าองค์การอนามัยโลกจะชี้ว่า ผู้หญิงควรได้รับน้ำตาลน้อยกว่า 6 ช้อนชาต่อวัน
ขณะนี้เคธีกำลังจะลองรักษาอาการติดโค้กด้วยวิธีสะกดจิต ซึ่งเจ้าตัวได้แต่หวังว่าวิธีนี้จะสำเร็จ เพราะเธอเองก็กลัวโทษของเครื่องดื่มชนิดนี้มากเช่นเดียวกัน เธอยังอยากเตือนทุกคนว่า การดื่มน้ำอัดลมจนเป็นนิสัย สามารถทำลายชีวิตได้ง่ายๆ จึงอยากให้ทุกคนตระหนักถึงโทษของมันให้มากๆ
ที่มา: มิเรอร์ สหราชอาณาจักร (Mirror UK)
เครดิตภาพ Unsplash/ Pixabay.com