สำนักข่าวรอยเตอรส์ รายงานว่า เหตุการณ์ระเบิดสนามบินและรถไฟใต้ดิน กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวานนี้ (22 มีนาคม พ.ศ. 2559) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย ส่งผลให้ทั่วทั้งทวีปยุโรปตื่นตระหนก โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปตะวันตก ที่ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย
การระเบิดชุดแรกเกิดขึ้น 2 ครั้ง ที่สนามบินซาเวนเทม เวลาประมาณ 7 โมงเช้า (GMT) โดยมีผู้เสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บถึง 81 ราย ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ได้ยินเสียงตะโกนภาษาอาราบิก และเสียงปืน ในเวลาไม่นานก่อนการระเบิด ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นระเบิดพลีชีพ 1 ลูก และเป็นระเบิดที่อยู่ในกระเป๋าบนพื้นอีก 1 ลูก เนื่องจากพนักงานสนามบินสังเกตพบว่า ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ มีแผลที่ขา เพียงประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากเหตุการณ์ที่สนามบิน ก็มีการระเบิดอีกครั้งในเส้นทางรถไฟใต้ดิน สถานีมาลบีก ซึ่งใกล้กับสถาบันของสหภาพยุโรป โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 20 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 ราย
นายชาร์ลส์ มิเชล นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศเบลเยียม กล่าวว่า ในที่สุดสิ่งที่ชาวเบลเยียมทุกคนกลัว ก็มาถึง และผ่านไป โดยการระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 4 วัน หลังจากตำรวจในเมืองบรัสเซลส์ จับตัวผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายในเหตุการณ์ระเบิดกรุงปารีส ส่งไปยังประเทศฝรั่งเศส ด้านกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลามอิรักและซีเรีย (IS) ผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ได้ออกมายอมรับว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ซึ่งเป็นการแก้แค้น
เหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนี้ ทำให้กรุงบรัสเซลส์เหมือนต้องปิดตัวลงชั่วคราว มีการระงับเที่ยวบิน และหยุดระบบการขนส่งสาธารณะ ทางการยังร้องขอให้ประชาชนอย่าใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์มากเกินไป นอกจากนี้ยังมีกองกำลังพิเศษเข้าประจำการในเมือง โดยศูนย์อำนวยการควบคุมภาวะฉุกเฉินแห่งประเทศเบลเยียม ประกาศเตือนให้ประชาชนอยู่ในที่ปลอดภัย และงดเดินทาง
เมื่อโลกมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น แต่เราไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ หนังสือพิมพ์ฮัฟฟิงตันโพสต์ จึงแนะนำให้ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างผ่อนคลาย ดังนี้
1. อยู่กับลมหายใจบ่อยๆ
2. งดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกอย่างน้อย 30 นาที
3. ตื่นนอนเร็วขึ้นอย่างน้อย 15 นาที
4. ระลึกไว้เสมอว่าทุกอย่างเกิดขึ้นที่ใจเรา
และ 5. ศึกษาธรรมะ เพื่อให้จิตใจสงบ แม้โลกภายนอกจะวุ่นวายมากขนาดไหนก็ตาม
ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอรส์, หนังสือพิมพ์ฮัฟฟิงตันโพสต์
เครดิตภาพ: www.reuters.com