วิตามิน เป็นอีกหนึ่งสารอาหารสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ เพื่อให้ระบบต่างๆ ทำงานเป็นปกติ ซึ่งแต่ละชนิดก็ทำง่ายแตกต่างกันไป แต่มีบางชนิดที่ทานคู่กันจะเป็นการส่งเสริม และได้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น อย่างคู่ที่เรากำลังพูดถึงวันนี้ กฌคือ วิตามินซี และวิตามินอี ที่ช่วยต้านมะเร็งได้เลยนะคะ
โดยครั้งนี้ ดร.ไบรอัน สุภวุฒิ คุณาคม จบการศึกษาระดับปริญญาแพทยศาสตร์ สาขาธรรมชาติบำบัดจากมหาวิทยาลัยบีสเตอร์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยธรรมชาติบำบัดระดับโลก ขึ้นทะเบียนเป็นแพทย์ด้านธรรมชาติบำบัดที่รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา จะเป็นผู้แนะนำถึงการกินคู่หูวิตามินซีและอี ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
วิตามิน C
มีงานวิจัยมากกว่า 17 ชิ้น ระบุว่าการกินวิตามินซีลดเสี่ยงมะเร็งตับอ่อนได้ (เป็นมะเร็งที่ร้ายที่สุด ขนาดเจอในระยะแรกยังมีโอกาสมีชีวิตรอดเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น) วิตามินชีละลายในน้ำได้ อยู่ในร่างกายได้นานสุด 48 ชั่วโมงก่อนถูกขับออกทางปัสสาวะ
ถ้าอยากได้วิตามินซีจากผลไม้ ควรปลูกไม้ผลไว้ที่บ้านและเด็ดผลไม้จากต้นมากินสดๆ หากเด็ดมาแล้วเก็บไว้ 7 วันแม้ยังไม่ปอกเปลือก วิตามินซีจะลดลงร้อยละ 50 และด้วยความที่วิตามินซีเป็นวิตามินที่ไวต่อแสง อุณหภูมิ อากาศ ดังนั้นการกินแบบน้ำผลไม้ราคาสูงๆ เช่น Cold-pressed Juice ที่แม้แช่ตู้เย็นเก็บไว้เพียง 1 วัน วิตามินซีก็แทบไม่เหลือแล้วครับ
อีกประการหนึ่ง เวลานึกถึงผลไม้ที่มีวิตามินชี คนทั่วไปจะนึกถึงส้ม แต่ส้มนั้นมีน้ำตาลฟรุกโตส เมื่อฟรุกโตสเจอกับวิตามินซีจะไปทำลายวิตามินชีลงอีก
ผมจึงอยากให้หันมากินผลไม้แบบไทย ๆ อย่างมะขามป้อม ซึ่งมีงานวิจัยยืนยันแล้วว่ามีวิตามินชีสูง แต่คนมักจะไม่ชอบ เพราะกินแล้วฝาดเนื่องจากมีน้ำตาลต่ำ แทบไม่มีฟรุกโตส วิตามินซีในมะขามป้อมจึงอยู่ได้นานกว่าในส้มครับ
วิตามิน E
วิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำมัน เลยอยู่ในร่างกายเราได้นานถึง 1 สัปดาห์ นานกว่าวิตามินซีมาก วิตามินอีที่ได้รับจากพืชจะมีครบ 4 ชนิด คือแอลฟา เบต้า แกมม่า และเดลต้า
แต่ผมไม่แนะนำให้กินวิตาามินอีแบบเดี่ยวๆ หรือกินแบบสกัด ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า เมื่อให้คนไข้มะเร็งปอดกินวิตามินอีแบบแอลฟาจะเพิ่มโอกาสเสียชีวิตได้ แต่ขอแนะนำให้รับวิตามินอีจากอาหาร เช่น เมล็ดทานตะวัน ซึ่งเมื่อเคี้ยวปุ๊บจะมีน้ำมันออกมา เมื่อมีน้ำมันไหลออกจากเมล็ดต้องรีบกินภายใน 5 -10 นาที เพราะนี่คือน้ำมันที่มีวิตามินอีสมบูรณ์แบบครบ 4 ชนิดดังที่กล่าวไปข้างต้น
มีคนถามว่า กินวิตามินอีแบบสกัดน้ำมันจากธัญพืชต่างๆ ได้หรือไม่ ผมขออธิบายว่า หากสกัดน้ำมันออกมาแล้ว ถ้าไม่ได้เก็บในที่มืดหรือเย็น วิตามินอีก็จะสูญเสียไป ส่วนอาหารอื่นๆ ที่มีวิตามินอีสูง ตัวอย่างเช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด อัลมอนด์ อาหารทะเล ถ้ามาจากผักจะมีปริมาณน้อย ต้องกินเป็นปริมาณมากๆ อย่างผักโขม
สุดท้าย ต้องกินคู่กันทั้งวิตามินซีและอี เพื่อเสริมการทำงานให้กันและกันที่สำคัญ เน้นการรับวิตามินจากอาหารเป็นหลัก กินเป็นประจำ และต้องกินให้มีปริมาณมากเพียงพอ มีเคล็ดลับง่ายๆ คือ กินผักผลไม้รสเปรี้ยวที่มีวิตามินซีสูงร้อยละ 50
พร้อมกับเพิ่มธัญพืชและปรุงอาหารโดยใช้น้ำมันพืชที่มีวิตามินอีเป็นประจำครับ
ที่มา นิตยสารชีวจิต