หูอื้อ แก้อย่างไร ?
ในขณะกำลังบอกให้คนอื่นพูดเสียงดังขึ้น ฉันกลับได้ยินแต่เสียงพูดของตัวเองสะท้อนไปมาในหูข้างซ้าย เป็นมาสามวันแล้ว ทีแรกคิดว่าเป็นอาการ หูอื้อ ทั่วไป คงหายได้เอง แต่อาการกลับรุนแรง จนตอนนี้หูข้างซ้ายเริ่มได้ยินเสียงน้อยลง
หลังเลิกงานตอนเย็น ฉันจึงตัดสินใจไปหาหมอแผนกโสต ศอ นาสิกทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เข้ามา เพราะเข้าใจว่าโรคเกี่ยวกับหูต้องเกิดกับคนสูงอายุหรือไม่ก็คนที่มีปัญหามาตั้งแต่เกิดเท่านั้น
แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องรอพบแพทย์ เห็นว่าคนไข้ที่รอคิวอยู่กว่าครึ่งหนึ่งเป็นคนวัยทำงาน ที่สำคัญคือมีวัยรุ่นปะปนอยู่ด้วย ระหว่างรอเรียกชื่อฉันจึงถือโอกาสพูดคุยกับคนวัยเดียวกันที่นั่งข้างๆ เพื่อฆ่าเวลา บางคนมาด้วยอาการมีเสียงในหู บ้างก็เวียนหัวจนบ้านหมุน
ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงสุจิตรา ประสานสุข ที่ปรึกษาอาวุโสศูนย์โสตประสาทการได้ยินกรุงเทพฯ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อเล่าถึงโรคเกี่ยวกับระบบการได้ยิน (หู) และสาเหตุที่ทำให้คนสมัยนี้เป็นโรคเกี่ยวกับหูกันมากขึ้น
- หูฟังเครื่องเล่นเสียงพกพา
คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวนี้มีคนหูเสื่อมจากการฟังเสียงผ่านหูฟังกันมากขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นทั้งที่เด็กกลุ่มนี้อาจไม่เคยเข้าผับ แต่ก็ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับการได้ยินกันมาก
สาเหตุก่อโรค
- เซลล์ประสาทหูและเซลล์ขนในหูถูกทำลาย เพราะการใส่หูฟังเข้าไปในรูหูซึ่งใกล้กับหูมากก่อให้เกิดความดันของคลื่นเสียงซึ่งจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับแก้วหูโดยตรงและทำลายเซลล์ประสาทหูและเซลล์ขนในหูจึงทำให้สูญเสียการได้ยินบางส่วนหรือถึงขั้นหูดับ
- ประสาทรับเสียงเสื่อม เกิดจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในหู ส่งผลให้เกิดเสียงรบกวนในหู เช่นเสียงแมงหวี่ร้อง เสียงวิทยุจูนผิดคลื่นตลอดเวลา หรืออาจเป็นเสียงอื่นๆได้อีกมากมาย
- เชื้อโรคในหูฟัง นอกจากหูฟังจะเป็นแหล่งกำเนิดเสียงดังที่เป็นอันตรายแล้วยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคอื่นที่ทำให้เกิดโรคในหูมากมาย อาทิ หนองในหูหรือเกิดการอักเสบในช่องหูได้
วิธีป้องกันเบื้องต้น
– ควรเปิดเครื่องเล่นเสียงใหมีระดับความดังแค่ครึ่งเดียวของระดับเสียงที่เครื่องมีอยู่
– ฟังเพลงในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นเพื่อให้หูได้หยุดพักการใช้งานบ้าง
– ไม่ควรใช้หูฟังร่วมกับคนอื่นเพราะอาจติดเชื้อโรคได้ และควรเปลี่ยนฟองน้ำหูฟังหรือทำความสะอาดเป็นประจำ
ติดตามอีก 2 สาเหตุทำคุณหูอื้อได้ ในหน้าถัดไป
- โทรศัพท์มือถือ
คุณหมอบอกว่าโทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ระบบหูและการได้ยินของคนยุคใหม่เสื่อมมาก
ขึ้น
สาเหตุก่อโรค
- เชื้อโรคในหูลุกลามจากความร้อน เพราะปกติในหูคนเราจะมีเชื้อโรคอยู่บ้างแต่ก็มีขี้หูและผิวหนังที่ช่วยป้องกันไว้ แต่เมื่อโดนความร้อนจากการใช้โทรศัพท์มือถือประกอบกับการใช้มือเขี่ยหรือเกา จนทำให้ผิวหนังถลอกเท่ากับขาดปราการป้องกันเชื้อโรค จึงทำให้เชื้อโรคเติบโตได้ดีและเกิดอาการอักเสบเช่น
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำลายประสาทหู คลื่นที่ออกจากมือถือคือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อใช้โทรศัพท์นานๆ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะส่งผลต่อระบบการทำงานของคลื่นไฟฟ้าและอิเล็คโตรไลท์ในหู
นอกจากนี้ยังทำให้โมเลกุลในหูเกิดความสั่นสะเทือนจนทำให้หูร้อน หากมีพฤติกรรมเช่นนี้ประจำจะทำให้เส้นประสาทในหูถูกทำลายได้ จนได้ยินเสียงต่างๆ น้อยลง
วิธีป้องกันเบื้องต้น
– ใช้อุปกรณ์เสริมในการใช้โทรศัพท์ เช่น หูฟัง (Small Talk) หรือ บลูทูธ (Bluetooth) เพื่อหลีกเลี่ยงคลื่นเสียงและความร้อนโดยตรง
– เช็ดทำความสะอาดโทรศัพท์ด้วยแอลกฮอล์และใช้โทรศัพท์มือถือเท่าที่จำเป็น
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
ทีแรกฉันยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าการพักผ่อนมีผลต่อระบบการทำงานของหูอย่างไรแต่เมื่อคุณหมอเล่าให้ฟังว่าการพักผ่อนมีความสำคัญต่อหูในส่วนที่เกี่ยวกับการทรงตัว
สาเหตุก่อโรค
การพักผ่อนน้อยส่งผลให้การไหลเวียนของกระแสเลือดไม่ดี โดยเฉพาะหูชั้นในนั้นต้องการเลือดมาเลี้ยงมาก หากขาดเลือดจะทำให้น้ำในหูชั้นในเสียสมดุลซึ่งน้ำในหูนี่เองที่เป็นตัวหล่อเลี้ยงเซลล์ประสาทที่ควบคุมระบบการทรงตัว เมื่อน้ำในหูทั้งสองข้างไม่เท่ากันข้างหนึ่งทำงานมากอีกข้างหนึ่งทำงานน้อยจะเกิดความผิดปกติของระบบการทรงตัวในที่สุด
นอกจากนี้อาการน้ำในหูไม่เท่ากันที่เกิดจากการพักผ่อนน้อยยังส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัว บ้านหมุนเฉียบพลัน คลื่นไส้ อาเจียน โดยจะมีอาการนานเป็นชั่วโมงแต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง
แต่คุณหมอเตือนว่าการเวียนหัวบ้านหมุนอาจไม่ได้เกิดจากกรณีน้ำในหูไม่เท่ากันเสมอไปซึ่งต้องสังเกตให้ดีเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
วิธีสังเกตว่าการเวียนหัวเกิดจากความผิดปกติของระบบส่วนใดในหูสังเกตได้จาก ถ้าอาการเวียนหัวเกิดทุกครั้งเมื่อเคลื่อนไหวศีรษะก็มีสาเหตุมาจากน้ำในหูไม่เท่ากัน
แต่หากเวียนหัวเฉพาะเมื่ออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งหรือเอียงหัวไปข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น ถือว่าเป็นความผิดปกติของก้อนหินปูนในหูชั้นในหรือเรียกว่าโรคหินปูนในหูหลุด ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับหูที่พบได้บ่อยเช่นเดียวกัน
วิธีป้องกันเบื้องต้น
– การป้องกันเบื้องต้นที่ดีที่สุดคือการพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด เพื่อให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดี
– ออกกำลังกายสม่ำเสมอและไม่ควรกินอาหารไขมันสูง เพื่อป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดซึ่งส่งผลต่อการทำงานของหูชั้นในได้
หลังจากฟังคุณหมอเล่าถึงปัจจัยทำร้ายหูคนยุคใหม่แล้ว ฉันก็สัญญากับตัวเองว่าต่อจากนี้ไปจะดูแลอวัยวะเล็กๆคู่นี้ให้ดีที่สุด เพราะตัวเราเท่านั้นคือผู้ที่กำหนดได้ว่าจะให้อวัยวะที่แสนสำคัญคู่นี้อยู่กับเราไปได้นานเพียงใดค่ะ
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 258