คุณเต๋อ – รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ วัย 31 ปี พิธีกรมืออาชีพช่องโมโน 29 มาแบ่งปันประสบการณ์ลดน้ำหนักถึง 20 กิโลกรัมอย่างยั่งยืน แถมยังก้าวข้ามนิสัยและรูปร่างเดิมๆ หันไปฟิตรูปร่างจนสร้างกล้ามเนื้อได้ดั่งใจจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราทุก คนเป็นเจ้าของรูปร่างที่สมส่วนและมีสุขภาพแข็งแรงได้ วิธีการ “ลด 20 กิโลกรัม แถมฟิตกล้าม” ของเขาจะเป็นแบบไหน ไปอ่านพร้อมกันเลยค่ะ
ขอเพียงตั้งเป้าหมายและกล้าลงมือทำอย่างต่อเนื่องชายหนุ่มยืนยันว่าแค่นี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งทางแล้ว
Carbohydrate Lover
คนชอบ(กิน)ข้าวตัวจริง
ทุกวันนี้ คุณเต๋อกลายเป็นชายหนุ่มหุ่นฟิตสุขภาพเป๊ะ ซึ่งเจ้าตัวเปิดอกเล่าด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า
“แต่ ก่อนผมชอบกินข้าวมากจริงๆเรียกว่าเป็นสายคาร์โบ(คาร์โบไฮเดรต) พูดแบบให้เห็นภาพชัดๆ คือ เวลาตักกับข้าว 1 ช้อนแล้วต้องตักข้าวตามมาอีก 3 ช้อน เรื่องนี้แฟนเก่าผมทักเลยรู้ตัวครับ แต่ที่ผ่านมาผมนึกว่านี่คือเกณฑ์ปกติ เราเป็นผู้ชายตัวสูงตั้ง—เซนติเมตร กินข้าวได้เป็นกะละมังก็ไม่น่าแปลกนะ(หัวเราะ)
“ดังนั้น ทุกๆ มื้อ การที่ผมกินข้าวเฉลี่ย 2 จานจึงเป็นเรื่องปกติมากๆ ทำให้เมื่อสัก 6-7 ปีก่อนพุ่งขึ้นไปถึง 90 กิโลกรัมซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่น้ำหนักมากที่สุดในชีวิตครับ”
เมื่อก่อน หากถามถึงอาหารโปรด เขาจะตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าเป็นซูชิ ไม่ว่าที่ไหนมีซูชิบุฟเฟ่ท์อร่อยเขาจะต้องดั้นด้นไปพิสูจน์และสถิติที่กิน ได้สูงสุดคือ 22 จานหรือเท่ากับ 44 คำในการกิน 1 ครั้ง
แน่นอนว่าการปรับเรื่องอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย คุณเต๋อแนะว่าให้ค่อยๆ เริ่มปรับไปทีละอย่าง
“ผม ปรับจากการกินแป้งเป็นอันดับแรก เราต้องศึกษาว่า ในอายุเท่านี้ ระบบเผาผลาญเราเป็นแบบนี้ เราควรกินแป้งได้มื้อละเท่าไหร่ ถือว่าเปลี่ยนจากสายคาร์โบฯ มาเป็นสายไฟเบอร์ครับ เน้นการกินผักผลไม้และดื่มน้ำเยอะๆ แทน กาแฟก็ยังดื่มบ้าง แต่เปลี่ยนจากใส่คาราเมลเป็นแบบหวานน้อยและใส่นมไร้ไขมันแทน”
เพียง การปรับอาหารอย่างเดียวยังไม่ได้เริ่มออกกำลังกาย แต่ส่งผลเกินคาดเพราะชายหนุ่มอธิบายว่าวิธีนี้ช่วยให้น้ำหนักลดลงมาได้ถึง 10 กิโลกรัม
“ผมคิดว่า เรื่องเครื่องดื่มก็สำคัญนะ เพราะนี่เป็นน้ำตาลแฝงที่เรามักมองข้าม เช้ามาก็เอาแล้วซื้อกาแฟเย็น 1 แก้ว บ่ายๆ กลัวง่วงก็จัดมาอีก 1 แก้ว มีแต่ปัจจัยเพิ่มน้ำหนักทั้งนั้นเพราะเป็นน้ำตาลและไขมัน (ทั้งจากนมสดและครีมเทียม) ถ้ายังติดกาแฟอยู่แล้วอยากลดน้ำหนักจริงๆ ขอแนะนำเป็นกาแฟดำนะครับ”
New Mind Set
วิธีเปลี่ยนตัวเองใหม่
ชาย หนุ่มเล่าว่า จุดเริ่มต้นในการลดน้ำหนักของเขาอาจตรงกับประสบกาณ์ของใครหลายๆ คนนั่นคือหลังจากเลิกรากับคู่รักผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์น้ำหนักก็ลดลงจนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง จากนั้นจึงเริ่มคิดว่าอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองและที่ยังเดินหน้าทำ ได้ต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะนี่คือความต้องการของตนเองจริงๆ ซึ่งเจ้าตัวอธิบายว่า
“หลายคนลองลดน้ำหนักมาสารพัดแต่ไม่สำเร็จใช่ไหม ครับ นั่นล่ะผมเลยขอให้เก็บเรื่องวิธีการไว้ก่อน แต่อยากให้คุณถามตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่หรือยัง หากคุณไม่พร้อม ฝืนใจทำไปงั้นๆ โดยที่ในใจลึกไม่ได้ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ รับรองว่าไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ คุณจะทำได้แค่แป๊บเดียวไม่เกิน 1-2 อาทิตย์ก็เลิกครับ”
แรงจูงใจของคุณเต๋อมาจากความสนใจเรื่องแฟชั่นที่ มีเป็นทุนเดิม เขาอธิบายว่าตนเองชอบเสื้อผ้าสไตล์แดนดี้ (Dandy)ซึ่งค่อนข้างจะเน้นรูปร่าง การลดน้ำหนักจึงช่วยให้เข้าใกล้รูปร่างที่สามารถสวมเสื้อผ้าเหล่านั้นได้ อย่างมั่นใจมากขึ้น
“เสื้อผ้าสไตล์ที่ผมชอบมักเป็นสูทเข้ารูปและ กางเกงขาเล็กๆ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หันไปปรับเรื่องอาหารอย่างจริงจัง งดน้ำอัดลม ลดปริมาณข้าวลงและกินเท่าที่จำเป็นจริงๆ เน้นผักต่างๆ ครับ กินผักปั่นกับน้ำมะเขือเทศ ต่อมารู้ว่าน้ำมะเขือเทศมีโซเดียมเยอะก็เปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าแทน ถามว่ารู้สึกโหยบ้างไหมแรกๆ ก็มีบ้างนะครับ ต้องค่อยๆ ปรับตัวกันไป ถ้าเหนื่อยๆ ผมก็ดื่มน้ำเปล่า ดื่มทั้งวัน 4-6 ขวด ขวดใหญ่ 1.5 ลิตรนะ”
เขา ปิดท้ายเรื่องอาหารว่า โดยส่วนตัวเขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการนับแคลอรี เพราะร่างกายของคนแต่ละคนมีความสามารถในการเผาผลาญ การย่อย และมีอัตราการดูดซึมไปใช้แตกต่างกันตามลักษณะกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เพศ และวัย
หากอยากลดน้ำหนักให้ยั่งยืนต้องรู้จักระบบเผาผลาญของตนเอง เริ่มจากลองสังเกตว่า กินอาหารประเภทใดแล้วรู้สึกอึดอัดหรือย่อยยากก็ควรลดปริมาณลง หันไปเลือกกินอาหารที่ร่างกายย่อยง่าย กินแล้วรู้สึกสบายและไม่อึดอัด จากนั้น ศึกษาคุณสมบัติของอาหารประเภทต่างๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และเลือกกินให้หลากหลายครบ 5 หมู่
Exercise Routine
ออกกำลังสร้างกล้าม
เรื่อง อาหารผ่านไป คราวนี้มาคุยกันเรื่องการออกกำลังกายบ้าง คุณเต๋อเล่าต่อว่าจากเดิมที่เป็นคนไม่เคยออกกำลังกายอย่างจริงจังมาก่อน แต่เดี๋ยวนี้เหมือนมีฟิตเนสเป็นบ้านหลังที่สองเพราะไปแทบทุกวัน อย่างน้อย 4 วันใน 1 สัปดาห์ วันละไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งเขาเล่าด้วยน้ำเสียงติดตลกว่า
“ช่วงปลายปีที่แล้วผมขึ้นสเตตัสไว้ ว่า เป็นแฟนกับเหล็ก (ดัมเบลและอุปกรณ์ยกน้ำหนัก)มาเป็นเดือนๆ แล้วนี่ไม่ได้พูดเล่นนะครับ เพราะว่างปุ๊บต้องมาออกกำลังกายปั๊บทุกทีจนได้ผลอย่างที่เห็น เราไม่ได้กินโปรตีนเสริมหรือฉีดฮอร์โมนเสริมอะไร เล่นให้ตายก็ได้เท่านี้ล่ะครับ (หัวเราะ) ซึ่งผมก็ค่อนข้างพอใจนะ (ยิ้ม)”
นอกเหนือจากการไปฟิตเนส ชายหนุ่มยังมีช่วงเวลาออกกำลังกายที่บ้านด้วยตนเองอีกด้วย
“บอก ตรงๆ ผมไม่ใช่คนขยัน ตอนนี้มีเวลาออกกำลังกายที่บ้านเฉพาะช่วงก่อนนอนครับ ชอบทำท่าครันช์หรือวิดพื้น เพราะช่วยให้ขับถ่ายดี หน้าท้องแบน โหดสุดผมเคยบ้าพลัง 500 ทีต่อเซ็ต ทำได้ 5 เซ็ต เอ่อหลังจากนั้นทำไม่ได้แล้วนะ (หัวเราะ) ปกติ ตอนนี้วิดพื้นได้เฉลี่ยวันละ 500-1,000 ครั้งมียกดัมเบลบ้างนิดหน่อย ไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับ”
ขณะ นี้ เขามีรูปร่างที่ตนเองพึงพอใจ คือ มีน้ำหนัก 70 กิโลกรัมและมีกล้ามเนื้อช่วงอก หลัง ไหล่สามารถสวมเสื้อผ้าในสไตล์ที่ชอบได้อย่างมั่นใจ เอื้อต่อการทำงานในฐานะคนหน้ากล้องที่ต้องนำเสนอข่าวสารและความบันเทิงให้ กับสาธารณชน จนได้รับความไว้วางใจให้ทำงานพิธีกรสัมภาษณ์ดาราฮอลวู้ดและเป็นพิธีกรบนเวที ถ่ายทอดสดการแข่งขันชกมวยในต่างประเทศมาแล้ว
คุณเต๋อฝากถึงคนที่อยากลดน้ำหนัก ฟิตกล้ามเนื้อเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงและรูปร่างสมส่วน ว่า
“ส่วน ตัวผมคิดว่าโลกนี้ไม่มีสูตรสำเร็จนะเพราะแต่ละคนมีสภาพร่างกายแตกต่างกัน คุณต้องลองพิสูจน์ด้วยตนเองนั่นล่ะถึงจะรู้ดีที่สุด ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย อย่าทำตามสูตรใดๆ อย่างหัวปักหัวปำ ค่อยๆ ทดลองจากปริมาณน้อยๆ ไปหามากและสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายไปเรื่อยๆ น่าจะดีกว่านะครับ”
ประสบการณ์ของเขาสะท้อนให้เราตระหนัก ว่าวิธีลดน้ำหนักที่ประสบความสำเร็จได้จริงนั้น ต้องเริ่มจากสำรวจความต้องการของตนเอง ศึกษาคุณสมบัติของอาหาร และ เลือกวิธีออกกำลังการที่เหมาะสม
ในทางกลับกัน หากกระโจนไปใช้วิธีต่างๆ ตามกระแสที่ได้รับข้อมูลมาทันทีโดยไม่ตั้งคำถามหรือวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ทางร่างกายของตนเองให้ถ่องแท้เสียก่อน
ไม่นานก็ต้องล้มเลิกไปในที่สุด
3 Mindset Shifts
คือ แนวคิด 3 แบบที่ เท็ด สไปเกอร์ นักเขียนอาวุโสประจำนิตยสาร Time บทความสุขภาพและไลฟ์สไตล์ ระบุว่า เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้การลดน้ำหนักประสบความสำเร็จ ได้แก่ คิดอย่างผู้นำไม่ใช่ผู้ตามที่ใครๆ บอกก็ทำตามไปเสียทั้งหมด เดินหน้าเผชิญกับความอ่อนแอ และสุดท้าย เพิ่มความท้าทายให้กับตนเองขึ้นทีละน้อยๆ
ข้อมูลเรื่อง ““ลด 20 กิโลกรัม–ฟิตกล้าม สไตล์พิธีกรหนุ่ม” จากคอลัมน์ ประสบการณ์สุขภาพ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 418
