แนะนำการกินเพิ่มอิมมูน อาหารต้านภูมิแพ้
ใครอยากให้ตนเองและครอบครัวมีภูมิชีวิตแข็งแรง ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ ควรใส่ใจสุขภาพตั้งแต่วันนี้ เริ่มจากชวนกันกินอาหาร
ตามหลักชีวจิต เสริมซูเปอร์ฟู้ด (Super Food) ที่ได้รับการยืนยันว่ามีคุณสมบัติพิเศษเป็น อาหารป้องกันภูมิแพ้ ช่วยเพิ่มภูมิชีวิตและต่อต้านโรคภูมิแพ้
แพ้กันมากแค่ไหนสำหรับคนไทยวันนี้
สมัยนี้หันไปทางไหนก็พบแต่ผู้แพ้ ทั้งแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นแพ้อาหาร และแพ้สัตว์เลี้ยง แถมบางครั้งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็เกิดอาการหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหลกันง่ายๆ เหล่านี้ชวนให้สงสัยเหลือเกินว่า คนไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้มากน้อยแค่ไหน
ศาสตราจารย์นายแพทย์เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม นายกสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย ให้ความรู้ในงานสัปดาห์รณรงค์ป้องกันโรคภูมิแพ้2012 ว่า
โรคภูมิแพ้พบได้ทุกเพศทุกวัย พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่จากผลการสำรวจพบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูก 10 ล้านคน (เป็นผู้ใหญ่ 20 เปอร์เซ็นต์ และเป็นเด็ก 40 เปอร์เซ็นต์) โรคหอบหืดประมาณ 5 ล้านคน และโรคภูมิแพ้ทางผิวหนังมากกว่า 1 ล้านคน
โดยสาเหตุหนึ่งเกิดจากพันธุกรรม เช่น พ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกมีโอกาสเป็นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ พ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นภูมิแพ้ ลูกมีโอกาสเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกสาเหตุเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อม
ครั้นมีโอกาสอ่านหนังสือแนวทางการพัฒนาการตรวจรักษาโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ในคนไทย (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) จากราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย ทำให้ทราบว่า คนไทยรวมถึงคนทั่วโลกเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น อีกทั้งพบการเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงร่วมด้วย เช่น โรคหืด ไซนัสอักเสบริดสีดวงจมูก หูชั้นกลางอักเสบ ทางเดินหายใจส่วนล่างอักเสบและการหายใจผิดปกติขณะหลับ
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ฉุกคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มภูมิชีวิตหรือภูมิต้านทานให้ร่างกายเสียที
ว่าแล้วก็มาดูอาหารป้องกันภูมิแพ้กันดีกว่า
แอ๊ปเปิ้ล
คำกล่าวที่ว่า “An apple a day keeps the doctor away.” หรือ “กินแอ๊ปเปิ้ลวันละ 1 ผล ไม่ต้องพึ่งหมอ”เห็นจะเป็นความจริง
เพราะ National Institute of Health Sciences ประเทศญี่ปุ่น ศึกษาวิจัยพบว่า สารแทนนิน (Tannin) ในแอ๊ปเปิ้ลสามารถยับยั้งการเกิดโรคภูมิแพ้ภายหลังได้กินหรือรับสารก่อภูมิแพ้ทางปาก (Oral Sensitization) ได้ โดยสันนิษฐานว่า อาจเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวในเยื่อบุผิวลำไส้ภายหลังกินแอ๊ปเปิ้ล นักวิจัยจึงสรุปว่า กินแอ๊ปเปิ้ลเป็นประจำจะช่วยป้องกันการเกิดโรค
ภูมิแพ้อาหาร (Food Allergies) ได้
อีกหนึ่งการศึกษาจากวารสาร Allergology International พบว่า ภายหลังผู้ป่วยโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้(Atopic Dermatitis) กินสารแทนนินซึ่งสกัดจากแอ๊ปเปิ้ล วันละ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม นาน 8 สัปดาห์
ผู้ป่วยมีอาการจากโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ลดลง เช่น อาการอักเสบ คัน ผิวแตก ผิวหนังหนาแข็งผิดปกติ ส่งผลให้สามารถนอนหลับได้ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ชาเขียว
“หากเป็นโรคภูมิแพ้ ควรดื่มชาเขียว เพราะเป็นแหล่งของสารต้านภูมิแพ้ประสิทธิภาพสูง”
ศาสตราจารย์ดร.ฮิโรฟูมิทาจิบานะ (Professor Hirofumi Tachibana) จากมหาวิทยาลัยคีวชู(Kyushu University) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า
“เป็นเวลานานแล้วที่หลายคนดื่มชาเขียวเพื่อต่อสู้กับอาการจาม น้ำมูกไหลซึ่งเป็นอาการของโรคภูมิแพ้และโรคหวัด”
ล่าสุด มีงานวิจัยจาก Journal of Agricultural and Food Chemistry ยืนยันว่า สาร EGCG (Epigallocatechin-gallate) ในชาเขียวมีฤทธิ์เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ สามารถยับยั้งการหลั่งฮีสตามีน (Histamine) และอิมมูโนโกบูลิน อี(Immunoglobulin E) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการต่างๆของโรคภูมิแพ้ เช่น ขอบตาล่างดำคล้ำ เยื่อบุจมูกอักเสบ มีปัญหาด้านการหายใจ มีผื่นขึ้นตามร่างกาย
จากงานวิจัยดังกล่าว ศาสตราจารย์ดร.ฮิโรฟูมิมีความเห็นว่า แม้จะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าควรดื่มชาเขียวปริมาณเท่าใดจึงจะให้ผลในการรักษาโรคภูมิแพ้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด แต่ชาเขียวยังคงเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ควรดื่มเพื่อให้ผลในการป้องกันและบรรเทาโรค

โยเกิร์ต นัตโต มิโซะ
กินอาหารหมักธรรมชาติ ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายโดยเฉพาะในลำไส้
นายแพทย์โคอิชิโร ฟุจิตะ (Dr. Koichiro Fujita) ผู้อำนวยการสมาคมวิจัยสุขภาพภูมิคุ้มกันธรรมชาติ ประเทศญี่ปุ่น ให้ความรู้ว่า
ปัจจุบันในญี่ปุ่นกำลังให้ความสนใจเรื่องการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้เพื่อสร้างสมดุลของแบคทีเรียทั้งชนิดดีและไม่ดีในร่างกาย หากรักษาสมดุลไว้ได้พลังภูมิคุ้มกันก็จะเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน หากปริมาณแบคทีเรียไม่สมดุล ไม่เพียงภูมิคุ้มกัน แต่การย่อย ดูดซึมสารอาหาร และการกำจัดสารพิษก็จะทำงานย่ำแย่ไปหมด
โยเกิร์ตและอาหารหมักจากถั่วเหลือง เช่น นัตโต (Natto) มิโซะ (Miso) มีส่วนประกอบของแบคทีเรียชนิดดีหลายชนิดแตกต่างกันไป โดยเมื่ออาหารเหล่านี้เคลื่อนเข้าสู่ลำไส้ แบคทีเรียชนิดดีก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ช่วยให้เกิดสมดุลภายในลำไส้เป็นกลไกช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานดีขึ้น
จมูกข้าวสาลีอัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดธัญพืชและถั่วเปลือกแข็งเหล่านี้มีส่วนประกอบของวิตามินอี ชนิดแกมมาโทโคเฟอรอล (Gamma Tocopherol) ซึ่งสามารถลดอาการภูมิแพ้ที่เกิดจากการอักเสบได้
นักวิจัยจาก Michigan State University ประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า ภายหลังได้รับแกมมาโทโคเฟอรอลเข้าสู่ร่างกาย ตามด้วยการสูดดมอากาศที่มีการปนเปื้อนสารก่อภูมิแพ้ สัตว์ทดลองกลุ่มที่ได้รับแกมมาโทโคเฟอรอลมีการอักเสบภายในโพรงจมูกน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับแกมมาโทโคเฟอรอล
นอกจากนี้จากหนังสืออาหารบำบัดโรค สำนักพิมพ์คลินิกสุขภาพ ยังให้ข้อมูลว่าวิตามินอีช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ผู้สูงอายุอีกด้วย
กีวีฝรั่ง ส้ม แตงโม
กินผลไม้วิตามินซีสูง ปรามฮีสตามีนต้นเหตุของอาการภูมิแพ้
วารสาร Thorax รายงานการศึกษาในเด็กชาวอิตาลีที่มีอาการของโรคหืดจำนวน 18,737 คน อายุระหว่าง 6-7 ปี พบว่า เด็กที่กินผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง หรือกินผลกีวีสดสัปดาห์ละ 5-7 ครั้ง มีอาการของโรคหืดลดลง
แพทย์หญิงแคโรลิน ดีน (Dr. Carolyn Dean) ผู้อำนวยการแพทย์จาก Nutritional Magnesium Association อธิบายว่า วิตามินซีปริมาณสูงช่วยยับยั้งการหลั่งของฮีสตามีน จึงลดและป้องกันการอักเสบจากภูมิแพ้ พร้อมแนะให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้กินผลไม้สดที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม มะละกอ แตงโม เป็นประจำ
ข้อมูลจาก Journal of Evidence-Based Complementary & Alternative Medicine มีความเห็นสอดคล้องโดยอธิบายเพิ่มเติมว่า วิตามินซีทำหน้าที่เข้าไปทำลายโครงสร้างของสารฮีสตามีน ส่งผลให้ระดับฮีสตามีนในเลือดลดลง อาการภูมิแพ้จึงลดตาม
นอกจากนี้หนังสือวิตามินไบเบิล สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ ยังได้กล่าวถึงประโยชน์ของวิตามินซีว่านอกจากจะช่วยลดอาการที่มีผลจากสารก่อภูมิแพ้แล้วยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

พิถีพิถันในการกินแล้ว อย่าลืมนอน พักผ่อน ออกกำลังกายและทำงานอย่างสมดุล เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการต้านโรคภูมิแพ้ค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ป้องกันภูมิแพ้ ด้วยโปรแกรมการกิน+ออกกำลังกาย
ประสบการณ์สุขภาพ : หายโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ด้วยชีวจิต
3 ประสบการณ์สุขภาพ ออกกำลังกายสู้ภูมิแพ้สำเร็จ
6 เทคนิคกดจุดด้วยตัวเอง พิชิตภูมิแพ้