ทำไมคนญี่ปุ่นถึงมีอายุยืนยาวที่สุดในโลก(ข้อมูลปี 2013) คงไม่ต้องสงสัยว่าทำไม เพราะคนญี่ปุ่นมีวิธีการดูสุขภาพที่ดีนั่นเอง เน้นการกินอาหารที่มีประโยชน์ บริโภคปลา ถั่วเหลือง สมุนไพรต่างๆมากมาย และที่สำคัญนั่นคือ การกินเห็ดเป็นอาหารเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารแทบในทุกมื้อมาอย่างยาวนานมาก เฉลี่ยวันละ 15 กรัม เลยทีเดียว
ในประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า การกินเห็ดเป็นหนึ่งในเคล็ดลับการดูแลสุขภาพของจักรพรรดิในสมัยโบราณ ที่ถ่ายทอดมาถึงคนญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน นอกจากจะให้ประโยชน์ในรูปที่เป็นสารอาหารแล้ว เห็ดสายพันธุ์ญี่ปุ่นบางชนิดยังนับเป็นหนึ่งในตัวช่วยดูแลสุขภาพได้อีกด้วย แต่จะเป็นเห็ดชนิดใดบ้างเราลองมาดูกันดีกว่า
เห็ดญี่ปุ่น 7 สายพันธุ์ อร่อยได้สไตล์จักรพรรดิญี่ปุ่น
วัฒนธรรมการกินที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ก็เพราะเห็ดมีเนื้อสัมผัสที่ไม่นุ่มและไม่แข็งจนเกินไป มีความคล้ายการกินเนื้อสัตว์ จัดเป็นเป็นโปรตีนชั้นยอดสำหรับชาววีแกน และมังสวิรัติเลยทีเดียว
แถมเห็ดยังเป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพ ทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สามารถป้องกันปัจจัยภายนอกที่ร่าง กายไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มลภาวะต่างๆที่อยู่รอบตัว ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
1. เห็ดชิตาเกะ
เห็ดชิตาเกะ หรือเห็ดหอม เป็นเห็ดญี่ปุ่นที่นิยมกินกันมากที่สุด มีลักษณะเป็นหมวกขนาดใหญ่ สีน้ำตาลไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม ลำต้นสีขาว จุดเด่นมีรสชาติคล้ายกลิ่นควัน มีกลิ่นหอมที่โดดเด่นกว่าเห็ดชนิดอื่นๆ เหมาะสำหรับการทำซุป และทอดเป็นเทมปุระ ที่สำคัญหากต้องการน้ำเห็ดชิตาเกะมาคั้นน้ำปรุงอาหาร ควรแช่เห็ดอย่างน้อย 30 นาที
2. เห็ดไมตาเกะ
ไมตาเกะ ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า เห็ดเต้น มีลักษณะดอกพลิ้ว คล้ายขนนก ฐานดอกสีขาว มีรูปร่างคล้ายเห็ดนางรม สามารถพบได้บนต้นโอ๊กและบีซในป่า มีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม รสชาติเข้มข้น และเผ็ดเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพของดินที่ เหมาะสำหรับปรุงอาหารเป็นของขบเคี้ยว หรือเคี่ยวเป็นซุปอ่อนๆก็ได้เช่นกัน
3. เห็ดยามาบูชิตาเกะ
เห็ดยามาบูชิตาเกะ (หรือเห็ดปุยฝ้าย) ในภาษาญีปุ่นแปลว่า ผู้หลับใหลในหุบเขา เพราะเห็ดชนิดนี้มักจะงอกหรือเกาะตามบริเวณต้นไม้ เห็ดมีลักษณะคล้ายเส้นไหมสีขาว ฟูฟ่องเหมือนปุยฝ้าย กลิ่นหอมคล้ายกับเห็ดนางรมมาก
4. เห็ดนามิโกะ
นามิโกะ ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจากชิตาเกะ สามารถพบเห็ดนามิโกะได้ในป่า เติบโตอยู่บนลำต้นของต้นบีชที่ตายแล้ว มีลักษณะเป็นดอกเล็กสีน้ำตาลอ่อน พื้นผิวสัมผัสของเห็ดนามิโกะจะมีเมือกเจลาตินปกคลุมอยู่ ทำให้มีเชื่อว่า เห็ดลื่น นั่นเอง สามารถนำมาปรุงเป็นซุปมิโซะ และหั่นหรือซอยใส่ในซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชู ก็อร่อยได้เช่นกัน
5. เห็ดมัตสึทาเกะ
มัตสึทาเกะ เห็ดคุณภาพดีมีราคาสูงมาก เทียบเท่ากับเห็ดทรัฟเฟิลและมอลส์เลยทีเดียว โดยมีราคาประมาณกิโลกรัมละ 452 เหรียญสหรัฐ ราวๆ 15,000 บาท เห็ดมัตสึทาเกะมีหมวกสีน้ำตาลเข้ม ลำต้นสีขาวอวบอ้วน เราสามารถพบมัตสึทาเกะได้บนรากของต้นสนสีแดง เมนูที่อร่อยสุดในการปรุงมัตสึทาเกะ คือ เมนูนึ่งในกาน้ำชาดินเผา หรือทอดกับข้าว ก็จะได้กลิ่นที่หอมตลบอบอวน ชวนน่ากิน แต่ที่สำคัญควรปรุงสุกทันทีไม่ควรเก็บเห็ดไว้ข้างคืนนะ
6. เห็ดชิเมจิ
เห็ดที่ดูแล้วน่ารัก มีขนาดเล็ก ๆ แต่มีเนื้อแน่นมาก เจริญเติบโตได้ดีในป่าบนรากของต้นบีช เหมาะสำหรับการนำมาปรุงเป็นซุป และผสมกับข้าว หรือผัด หรือนำมาทำเป็นของหวานอย่างมูสช็อกโกแลตก็อร่อยแปลกใหม่ไปอีกแบบ
7. เห็ดหลินจือ
หลินจือ ฉายาเห็ดแห่งตะวันออก ซึ่งมีประวัติการใช้เป็นยา และบำรุงร่างกายมาอย่างยาวนาน ในประเทศญี่ปุ่น จีน และประเทศในเอเชีย เป็นสัญลักษณแห่งความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพดี และอายุยืนยาว เห็ดหลินจือ มีลักษณะเป็นเห็ดสีดำ ผิวด้านนอกมันวาวและเป็นเนื้อไม้ เหมาะกับการนำมากินเป็นยา เป็นซุปเพื่อบำรุงร่างกาย ร่างกายอ่อนเพลีย และอากาศเย็น
อยากแข็งแรง สุขภาพดี และอายุยืนแบบคนญี่ปุ่น ลองหาเห็ดมากินกันดีกว่านะ สามารถเริ่มต้นกินเห็ดได้จาก ‘แบรนด์เห็ดสกัดเข้มข้น’ ที่รวมคุณประโยชน์ของเห็ดสายพันธุ์ต่างๆ ถึง 5 ชนิด ทั้งเห็ดหอม เห็ดไมตาเกะ เห็ดยามาบูชิตาเกะ เห็ดหลินจือ และถั่งเฉ้า แล้วอย่าลืมออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารครบห้าหมู่ เท่านี้ร่างกายก็พร้อมสู้กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและมลภาวะรอบตัวได้แน่นอนครับ