ถั่วเปลือกแข็ง, ลดความอ้วน, ถั่ว, ประโยชน์ของถั่ว, อาหารไขมันดี, Nut

กะเทาะ ถั่วเปลือกแข็ง เพิ่มพลังไขมันดี ตัวช่วยทลายพุง

5. แมคาเดเมีย

ไม่ใช่แค่อร่อยและเคี้ยวเพลินเท่านั้น แมคาเดเมีย ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่น โอเมก้า – 3 และ กรดปาลมิโตเลอิก (Palmitoleic Acid) ที่ช่วยกระตุ้นการ เผาผลาญไขมันที่สะสมตามร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมี ไฟเบอร์ประมาณ 2.3 กรัม หรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณไฟเบอร์ที่ร่างกายต้องการต่อวัน ถึงแม้จะ มีไฟเบอร์และกรดไขมันดีที่ช่วยย่อยไขมันก็ตาม แต่ ในแมคาเดเมีย 28 กรัมกลับให้แคลอรีสูงถึง 200 แคลอรี ถ้าต้องการให้เจ้าถั่วชนิดนี้เป็นตัวช่วยลดน้ำหนัก จึงควร ควบคุมปริมาณการกินและไม่ควรกินแมคาเดเมียพร้อมกับ อาหารที่ให้พลังงานสูงอยู่แล้ว เช่น คุกกี้แมคาเดเมีย

 

6. เฮเซลนัท

เฮเซลนัทมีปริมาณไฟเบอร์ โปรตีน และไขมันดีสูง ทำให้ร่างกายอิ่มนานขึ้น ช่วยไม่ให้เราไปกินขนมกินเล่น จุบจิบที่เพิ่มไขมันไม่ดีเข้าร่างกายอีก จึงสามารถลดความ เสี่ยงการเกิดโรคอ้วนได้ นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยระบุว่า ผู้ที่กินเฮเซลนัทจะสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่า เนื่องจาก เฮเซลนัทมีสารอาหารที่สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบ เผาผลาญของร่างกายได้ อย่างวิตามินบี 1 และยังมีแร่ธาตุ แมงกานีสที่เป็นตัวเสริมให้เอนไซม์ย่อยอาหารในร่างกาย ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

 

7. ถั่วพีแคน

พีแคนเป็นถั่วอีกชนิดหนึ่งที่คนนิยมกินเพื่อช่วยควบคุมอาหาร เพราะเป็นถั่วที่ไม่ทำให้หิวบ่อยระหว่างวันและให้แคลอรีต่ำ สามารถ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญของร่างกายได้ เพราะ มีทั้งวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินบีที่ให้พลังงานกับร่างกาย วิตามินอีที่ช่วยเปลี่ยนบริเวณที่เป็นแหล่งสะสมของไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ได้ง่ายขึ้น ผลการศึกษาหนึ่งพบว่า ผู้ที่มีวิตามินอีในร่างกายสูงจะมี ไขมันสะสมที่หน้าท้องน้อยกว่า นอกจากนี้ถั่วพีแคนยังมีสังกะสีที่ช่วย เผาผลาญน้ำตาลในร่างกายและมีแมกนีเซียมที่เป็นสารอาหารสำคัญใน การลดน้ำหนักโดยตรงอีกด้วย

ถั่วเปลือกแข็ง, ลดความอ้วน, ถั่ว, ประโยชน์ของถั่ว, อาหารไขมันดี, Nut
ถั่วพีแคน มีแคลอรีต่ำ ช่วยระบบเผาผลาญทำงานได้ดี

8. บราซิลนัท

บราซิลนัทเป็นถั่วเปลือกแข็งอีกชนิดหนึ่งที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่มี ประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่ที่มีมากที่สุดก็คือ แร่ธาตุซีลีเนียม ซีลีเนียมขึ้นชื่อว่าเป็นแร่ธาตุที่ช่วยการทำงานของระบบเผาผลาญไขมันได้ เพียงกินบราซิลนัทแค่เพียงวันละ 2 เม็ดก็ทำให้ร่างกายได้รับซีลีเนียม ที่เพียงพอต่อการทำงานของร่างกายในแต่ละวันแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าร่างกายได้รับซีลีเนียมมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียตามมาได้ เราขอ แนะนำให้คุณกินบราซิลนัทในปริมาณเพียง 5 – 6 เม็ดต่อวันก็พอ

 

เรื่องปริมาณ เรื่องใหญ่

ชีวจิต ขอบอกต่อวิธีกินถั่วเปลือกแข็ง อย่างไรให้ดีต่อร่างกายมากที่สุดค่ะ

ประการแรก ต้องคำนึงไว้เสมอว่าจุดประสงค์ ของการกินถั่วคือ เพื่อให้ร่างกายได้ไขมันดีมาก กว่าการได้ไขมันประเภทอื่นๆ ที่ไม่มีประโยชน์ มอร์รีน เธอร์นัส ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ประจำสถาบัน International Tree Nut แนะนำว่า เราควรลดการกินอาหารที่มีแคลอรี ประเภทอื่นๆ ลงหากต้องการหันมากินถั่วเพื่อ สุขภาพ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ เนื่องจากถั่วยังเป็นอาหารที่ให้แคลอรีสูงอยู่ เราจึงต้องควบคุมปริมาณการกินถั่วด้วย

โดยปริมาณที่เราควรกินถั่วต่อวันคือ 1 ออนซ์ หรือประมาณ 28 กรัม ซึ่งขนาด 28 กรัมของถั่วแต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันออกไป คิดง่ายๆ คือ พิสตาชิโอ 47 เม็ด ถั่วลิสง 30 เม็ด อัลมอนด์ 24 เม็ด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 16 เม็ด เฮเซลนัท 20 เม็ด ถั่วพีเคน 20 ซีก และวอลนัท 14 ซีก เรามาเปลี่ยนนิสัยติดกินของหวานและ ขนมขบเคี้ยวที่ทำให้อ้วนเอาๆ แล้วหันมากินถั่ว เปลือกแข็งที่มีประโยชน์ แถมช่วยดูแลรูปร่าง ได้อีกด้วยกันดีกว่า

ถั่วเปลือกแข็ง, ลดความอ้วน, ถั่ว, ประโยชน์ของถั่ว, อาหารไขมันดี, Nut
เลือกกินถั่วเปลือกแข็ง แทนขนมหวาน หรือขนมขบเคี้ยวที่ทำให้อ้วน เพื่อสุขภาพที่ดี

อย่างไรก็ตามบทความจากวิทยาลัยการแพทย์ฮาร์วาร์ดแนะนำว่า เราควรกินถั่วเปลือกแข็งหลายๆ ชนิดรวมกัน ที่สำคัญคือต้องควบคุม ปริมาณของถั่วที่เราจะกินด้วย เพราะโดยปกติแล้วถั่วเหล่านี้มีแคลอรี อยู่ที่ประมาณ 160 – 200 แคลอรีต่อปริมาณถั่ว 28 กรัม การกินมาก เกินไปจึงอาจเป็นการเพิ่มน้ำหนักมากกว่าการลดได้

 

จาก คอลัมน์ ACTIV STORY นิตยสารชีวจิต ฉบับ 472


บทความน่าสนใจอื่นๆ

ประโยชน์ของถั่ว ตัวช่วยลดน้ำหนักสุดเจ๋ง

ถั่วเขียว กินสู้ เบาหวาน

ถั่วแดง ตัวช่วย ลดความอ้วน

ติดตาม ชีวจิต ในช่องทางต่างๆ ได้ที่

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.