โดยสารรถสาธารณะอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด
นั่งรถสาธารณะปลอดภัย ต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ต้องให้เกิดการสูญเสีย เเต่ก่อนอื่นเราลองมาดูสถิติที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นกันก่อนค่ะ
ในปีพ.ศ. 2558 องค์การอนามัยโลก(WHO) ระบุว่าประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เท่ากับ 36.2 คน ต่อประชากรแสนคน รองจากประเทศลิเบีย และเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียน
นอกจากนี้แล้วในรายงานของ รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีศักดิ์ แตะกระโทก อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ระบุไว้ในเอกสารรายงาน Global Report on Road Safety ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่อันตรายสูงที่สุดในโลกสำหรับรถจักรยานยนต์ โดยมีอัตราการเสียชีวิตต่อประชากรแสนคนอยู่ที่ 26.3 คน[1] ซึ่งยังมีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่สูงมากจากเป้าหมายที่ประเทศไทยได้วางไว้ว่า ในระหว่างปี พ.ศ.2554-2563 ต้องลดอัตราการเสียชีวิตทางถนนให้ต่ำกว่า 10 คน ต่อประชากรแสนคน
แต่ล่าสุดผลการวิจัยกลับสวนทางกับเป้าหมายที่ประเทศไทยต้องการ ซึ่งข้อมูลงานวิจัยจากโครงการวิจัยการประเมินคุณภาพให้บริการและความปลอดภัยของระบบรถโดยสารสาธารณะ ของนัชชา โอเจริญและคณะ นักวิจัยด้านนโยบายขนส่ง และโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย[2] พบว่า ในช่วงเดือนมกราคมพ.ศ.2557-เดือนมิถุนายน พ.ศ.2558 สถิติการเกิดอุบัติเหตุของรถตู้ผู้โดยสารสาธารณะสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 41 และพบว่าพบว่าจำนวนผู้โดยสารสาธารณะกลับเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
เนื่องจากผู้ใช้บริการต้องการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และประหยัด จนละเลยความปลอดภัย ทำให้สาเหตุของอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งนั้นมาจากพฤติกรรมของผู้โดยสารและผู้ขับเอง โดยเฉพาะผู้โดยสารมากว่าครึ่งไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ถึงเเม้ว่ารัฐจะออกกฏหมายให้บังคับก็ตาม เพราะรู้สึกว่าการคาดเข็มขัดนิรภัยนั้นทำให้อึดอัด อายคนอื่น และไม่เคยชินกับการถูกดึงรั้งไว้กับเบาะ เป็นต้น
ดัังนั้นเพื่อลดการสูญเสียชีวิต เเละการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยลง นอกเหนือจากการบังคับใช้กฏหมายของรัฐแล้วนั้น ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องตระหนักเรื่องความปลอดภัยมากกว่าความสะดวกสบาย เช่น เดียวกับผู้ประกอบการ และผู้ที่ขับขี่ที่ต้องใส่ใจ มีจิตสำนึกในการใช้ถนนอีกด้วย
สำหรับการลือกใช้บริการรถโดยสารให้ปลอดภัยนั้นสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ)[3] ได้ออกแนวทางในการปฏิบัติเพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจเช็คความปลอดภัยของโดยสารสาธารณะได้ด้วยตัวเอง ดังต่อไปนี้
1.ก่อนเลือกใช้บริการ
(1) การซื้อบัตรโดยสารควรตรวจสอบความถูกต้องทุกครั้ง โดยเฉพาะกรณีของรถตู้ที่ให้บริการระหว่างจังหวัด จดจำชื่อของผู้ประกอบการหรือบริษัทก่อนทุกครั้ง เพื่อเป็นประโยชน์ในการร้องเรียนเมื่อมีปัญหา และเก็บบัตรโดยสารไว้ทุกครั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานเอาผิดผู้ประกอบการที่ทำผิดกฏหมาย
(2) ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานีและจุดจอดของแต่ละประเภทรถบริการ โดยจะต้องขึ้น/ลงรถ ณ จุดจอดเท่านั้น คือ ที่จุดจอดต้นทาง-ปลายทาง หรือ จุดที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น เพราะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุทางถนน และถ้าจอดในที่เปลี่ยวอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้โดยสาร
(3) สังเกตภายนอกตัวรถให้บริการโดยเลือกใช้รถบริการรถป้าย “สีเหลือง” มีสัญลักษณ์แสดงการชำระภาษีรถ และเลือกรถที่มีสภาพภายนอกแข็งเเรงและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เช่น ล้อเเละยางไม่แบนไม่เบี้ยว ไฟเบรก ไฟหน้า ไฟท้าย ติดครบไม่เเตก เพราะหากสภาพรถมีการดัดแปลง หรือเสียหาย อาจทำให้การขับขี่ไม่ปลอดภัยได้

2.ขณะรับบริการ
(1) ป้ายที่ควรสังเกตทุกครั้ง เช่น รายละเอียดคนขับและเบอร์ติดต่อรับร้องเรียน ป้ายเตือนความปลอดภัยต่างๆ เช่น การคาดเข็มขัดนิรภัย
(2) การสังเกตสภาพภายในรถ ควรเลือกรถที่สภาพสะอาด มีอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ครบสมบูรณ์พร้อมใช้งาน เช่น ก้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เข็มขัดนิรภัย ไม่มีเก้าอี้เสริม และเบาะอยู่ในสภาพดี
(3) ข้อควรปฏิบัติขณะใช้บริการรถโดยสาร
- ไม่นั่งรถที่บรรทุกผู้โดยสารเกิน
- เช็คชื่อ รูปถ่าย ข้อมูล ของคนขับ ว่าตรงกับป้านที่เเจ้งไว้หรือไม่
- คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งขณะอยู่บนรถ ไม่ว่าจะเป็นระยะทางที่ใกล้ หรือระหว่างทาง
- แจ้งพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ขับเร็ว เมาสุรา หลับใน โทร. 1584 (ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ) หรือ 1508 (แจ้งร้องทุกข์เกี่ยวกับรถโดยสารของ บขส.และรถร่วมบริการ)
ท้ายที่สุดแล้วการช่วยกันพิจารณาความปลอดภัยนี้ นั่งรถสาธารณะปลอดภัย จะเป็นแนวทางยั่งยืนส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการมีความปลอดภัยมากขึ้น และให้บริการสามารถนำไปปรับบปรับปรุงคุณภาพ และการขับขี่อย่างปลอดภัยด้วย
อ้างอิง
[1]ทวีศักดิ์ แตะกระโทก (2558). Global Report on Road Safety 2015.มหาวิทยาลัยนเรศวร
[2]นัชชา โอเจริญและคณะ(2559).โครงการวิจัยการประเมินคุณภาพให้บริการและความปลอดภัยของระบบรถโดยสารสาธารณะ.สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
[3] สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(2559).รายงานการพิจารณาความปลอดภัยของรถตู้โดยสาร.ค้นเมื่อ1 มีนาคม พ.ศ.2559,จาก http://tdri.or.th/tdri-insight/tdri-factsheet-43/
บทความน่าสนใจ
“เครื่องสำอางจากธรรมชาติ” สวยด้วย ปลอดภัยด้วย ใครบ้างจะไม่ชอบ!
สธ. ทำโทษ! ต้องดูแลผู้บาดเจ็บทางสมอง หากขับขี่รถไม่สวมหมวก
สุดประทับใจตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ นำทางส่งแม่ถึงรพ.อย่างปลอดภัย
7 เทคนิค ดูแลรถ ต้อนรับหน้าฝน เตรียมรถให้พร้อมเพื่อความปลอดภัย