โลหิตจาง

“โลหิตจาง” สัญญาณเตือนภัยของร่างกาย ที่ทุกคนควรต้องรู้!

“โลหิตจาง” สัญญาณเตือนภัยของร่างกาย ที่ทุกคนควรต้องรู้!

คุณผู้อ่ายเคยมีคนทักว่าตัวซีดลง ตัวเหลือง หรือเคยมีปัญหาตรวจเลือดแล้วพบว่าเม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติหรือไม่? ถ้าเคยนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการเป็นโรคโลหิตจางได้ค่ะ ซึ่งเมื่อพูดถึงโรคนี้หลายคนอาจคิดเพียงว่าเป็นอาการปกติที่ไม่น่ามีความรุนแรงอะไร แต่รู้หรือไม่คะว่าหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาและดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง อาจนำมาซึ่งอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ วันนี้เราไปทำความเข้าใจกับโรค “โลหิตจาง” ไปพร้อมๆ กันค่ะ

ภาวะโลหิตจางหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าภาวะซีด เป็นภาวะที่เกิดจากร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ  ภาวะนี้พบได้บ่อยในประชากรทั่วไป การจะบอกว่าใครมีภาวะโลหิตจางหรือไม่นั้นอาจดูได้จากอาการที่เกิดขึ้น  เนื่องจากเม็ดเลือดแดงมีหน้าที่ในการส่งออกซิเจนไปให้เซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย การที่เม็ดเลือดแดงลดลงจึงส่งผลให้เกิดความผิดปกติได้หลากหลาย ตั้งแต่อาการเหนื่อยง่ายขึ้นกว่าเดิม บางคนอาจรู้สึกว่าเมื่อออกแรงทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งแล้วเหนื่อยมากขึ้น เช่น เดิมขึ้นบันไดสองสามชั้นไม่เหนื่อย ต่อมากลับเหนื่อยมากขึ้น หรือบางคนอยู่เฉยๆ ก็อาจรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลียก็ได้

บางคนอาจมีความรู้สึกหงุดหงิด ความคิดความอ่านไม่แจ่มใส หากป็นโลหิตจางรุนแรง อาจกระทบการทำงานของหัวใจ เกิดภาวะหัวใจทำงานมากขึ้นจนถึงขั้นหัวใจล้มเหลวได้ หรือกระทบกับการทำงานของสมอง  ทำให้มีอาการวูบหรือหมดสติ อาการต่างๆ อาจเกิดมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับระดับของเม็ดเลือดแดงในร่างกายและความสามารถในการปรับตัวต่อภาวะโลหิตจาง

ล่าสุดทางกรมการแพทย์โดยโรงพยาบาลราชวิถี ได้ออกมาให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับภาวะโลหิตจาง ว่า มักพบได้บ่อยในประชากรทั่วไป ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น หน้ามืด เป็นลมง่าย อาจมีหัวใจโต เกิดภาวะหัวใจวายได้ แนะควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาวะโลหิตจาง พบได้บ่อยในประชากรทั่วไป เป็นภาวะร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติหรือพบว่าปริมาณเม็ดเลือดแดงในเลือดน้อยกว่าปกติ ทำให้ความสามารถในการนำออกซิเจนไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายมีประสิทธิภาพลดลง อาการของโลหิตจางเริ่มตั้งแต่ไม่มีอาการ ถ้าโลหิตจางน้อย ๆ จะไม่มีผลต่อสุขภาพ ถ้าบังเอิญเกิดเหตุที่ทำให้เสียเลือดกระทันหัน เช่น อุบัติเหตุรถชนหรือมีการตกเลือดจากเหตุทางโรคภัย เช่น แท้งลูก ท้องนอกมดลูกจะทนทานการเสียเลือดได้ไม่ดี แต่ถ้าโลหิตจางมากมีผลต่อร่างกาย คือ ทำให้อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น หน้ามืด เป็นลมง่าย เพราะถ้ามีโลหิตจางมากๆ หัวใจต้องทำงานมากขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี่ยงร่างกายให้มากขึ้น อาจมีหัวใจโต เกิดภาวะหัวใจวายได้

สาเหตุของภาวะโลหิตจางเกิดได้หลายปัจจัย ซึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยมาจากการขาดสารอาหาร เช่น ขาดธาตุเหล็กหรือโลหิตจางที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุ์กรรม เช่น โรคธาลัสซีเมีย หรืออาจเกิดจากการที่มีการสูญเสียเลือดเรื้อรัง บางครั้งมีเลือดออกจากทางเดินอาหาร เช่น ถ่ายอุจจาระมีเลือดปนหรือถ่ายดำ โรคที่ทำให้ถ่ายมีเลือดปนที่พบบ่อย ได้แก่ โรคกระเพาะอาหาร โรคริดสีดวงทวาร โรคหลอดเลือดโป่งพอง โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น การรับประทานยาแก้ปวดแก้เมื่อยเป็นประจำแล้วยาระคายกระเพาะอาหารทำให้อักเสบมีแผล เกิดเลือดออกได้  การเสียเลือดจากมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ถ้าถึงวัยหมดประจำเดือนแล้วมีเลือดออกทางช่องคลอด

หากพบว่าตนเองมีภาวะดังกล่าวต้องรีบไปตรวจทันทีเนื่องจากอาจเกิดจากโรคมะเร็งได้ เกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น ไตวาย โรคตับ ข้ออักเสบ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคไขกระดูกเสื่อม เป็นต้น

หลักการสำคัญในการรักษาโลหิตจาง คือรักษาที่สาเหตุของโลหิตจางให้พบโดยควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคก่อน เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมตามสาเหตุของโรคที่แท้จริง

นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันภาวะโลหิตจาง ได้แก่  การรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีนและอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ไข่ ตับ ไต เนื้อสัตว์ เมล็ดธัญพืช เช่น ถั่ว งา เมล็ดฟักทอง ลูกเดือย เป็นต้น

ละเว้นการรับประทานอาหารที่ขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็ก เช่น ชา กาแฟ โอเลี้ยง เป็นต้น ไม่ควรรับประทานยาชุด แก้ปวดเมื่อย แก้อักเสบ ยาหม้อ ยาลูกกลอน เนื่องจากจะทำให้เกิดการระคายกระเพาะอาหาร ส่งผลให้มีอาการปวดเสียดท้อง ท้องอืด เลือดออกในกระเพาะอาหารหรือกระเพาะอาหารทะลุได้ หากมีอาการปวดเสียดแน่นท้อง ขับถ่ายอุจจาระผิดปกติไปจากเดิม ถ่ายดำหรือมีเลือดปน เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาออกเรื้อรัง จ้ำเลือดออกตามตัว ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

อย่าคิดว่าโรคนี้เป็นแล้วไม่อันตราย อย่าละเลยการดูแลเอาใจใส่ตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เมื่อคุณเองหรือคนใกล้ตัวเป็นควรรู้ว่าอะไรควรกินอะไรควรหลีกเลี่ยง อย่างล่าสุดกับข่าวการเสียชีวิตของ นาธาน โอมาน อดีตศิลปินชื่อดัง ในวัย 45 ปี หลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร เนื่องจากอาการป่วยด้วยโรคโลหิตจาง และมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เราควรกลับมาสนใจสุขภาพร่างกายของงตัวเองกันมากขึ้นจะดีกว่าค่ะ ไม่ว่าป่วยด้วยโรคอะไรก็ตาม ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้องและทันเวลา และชีวจิตออนไลน์เองก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครับของคุณนาธาน โอมาน มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

Diet Plane : อาหารบำรุงเลือด ป้องกัน โลหิตจาง

วิตามินเพิ่มอิมมูน ป้องกันเอสแอลอี

อายุยืน ด้วยวิธีเลือกกินอาหาร ที่ทุกคนต้องรู้

ผ่าตัดส่องกล้องปอด ทางเลือกใหม่การรักษา ผู้ป่วยโรคปอด

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.