หลายคนต้องเคยประสบกับปัญหา “ผมบาง ผมร่วง” กันบ้าง ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นผู้หญิงก็มีปัญหาผมบางได้เช่นกัน วันนี้เราจะมาให้ข้อมูลถึงสาเหตุ รู้สาเหตุจะได้หาทางรับมือและแก้ไขได้ตรงจุด
ผมร่วง บอกอะไรเราได้บ้าง?
ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไล ผู้เชี่ยวชาญโรคเส้นผมและหนังศีรษะ โรงพยาบาล พญาไท 1 ได้กล่าวถึงภาวะผมร่วงและหนังศีรษะอ่อนแอ ว่า นอกจากจะมีผลกระทบต่อบุคลิก ทำให้ขาดความมั่นใจ และดูมีอายุเกินวัยแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณของความเจ็บป่วย หรือภาวะไม่สมดุลของสารอาหารและฮอร์โมนในร่างกายอีกด้วย
ทั้งนี้ ภาวะผมร่วงสามารถพบได้ในวัยเด็ก วัยรุ่น จนถึงวัยผู้ใหญ่และวัยชรา ซึ่งปัจจุบันมีคนไทยจำนวนมากที่ต้องประสบปัญหาภาวะผมบาง หรือ ผมร่วง จนถึงขั้นศีรษะล้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายที่มีปัญหานี้ถึงกว่า 17 ล้านคน แต่อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้เรามีนวัตกรรมเพื่อช่วยในการวินิจฉัยและรักษาปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป
สาเหตุใด ทำไมจึงผมร่วง?
สาเหตุของผมร่วงเกิดได้จากหลายปัจจัย แต่สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ “ภาวะผมร่วงตามพันธุกรรม” ซึ่งพบได้ทั้งในเพศชายและหญิง นอกจากนี้ยังมีภาวะอื่นๆ ที่ทําให้ผมร่วงได้อีก เช่น
- ฮอร์โมนไม่สมดุล
- ต่อมไทรอยด์ทํางานมากหรือน้อยกว่าปกติ
- ขาดสารอาหารบางอย่าง
- การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
- เกิดจากการทานยาบางชนิด
- การรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัด
- โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ หรือเป็นผิวหนังอักเสบรุนแรง
- โรคผมร่วงเฉพาะจุด
- แพ้สารเคมีบางชนิด หรือ แพ้แชมพูสระผม
ผมร่วงตามพันธุกรรม คืออะไร?
ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไล ได้อธิบายถึง ภาวะผมร่วงตามพันธุกรรม ไว้ว่า เกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะมีลักษณะไม่เหมือนกัน คือ
ผู้หญิง : มักมาพบแพทย์เพราะผมร่วงหรือผมบางกลางศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณที่แสกผมกว้างขึ้น เห็นหนังศีรษะชัดขึ้น
ผู้ชาย : มักเป็นลักษณะทางพันธุกรรม โดยจะมีผมบางลงตามอายุที่มากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายในวัย 40-50 ปี ที่จะมีจํานวนเส้นผมต่อพื้นที่น้อยลง ผมมีขนาดเส้นเล็กลง หน้าผากกว้างขึ้น มีผมบางบริเวณขมับหรือบริเวณขวัญ ไปจนถึงศีรษะล้าน
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรค ผมบาง ผมร่วง?
สำหรับอาการผมบาง ผมร่วง ถือเป็นสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน แต่โดยมากมักจะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด บางครั้งเราอาจโทษแชมพู หรือน้ำยาย้อมสีผม ทำให้ลองและเปลี่ยนใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการแพ้ที่มากขึ้น
ข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท