5 วิธีแก้ฉี่ผิดปกติจากโรคสมอง (กูรูต้นตำรับชีวจิต)

5 วิธีแก้ฉี่ผิดปกติจากโรคสมอง (กูรูต้นตำรับชีวจิต)

5 วิธีแก้ไขปัญหาอาการฉี่ที่ผิดปกติ จากการป่วยเป็น โรคสมอง

โดยธรรมชาติการทำงานของร่างกาย เมื่อเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับสมองหรือ โรคสมอง มักเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับการทำงานของอวัยวะอื่นๆ ตามมาด้วย มากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่ความรุนแรงของอาการของสมอง กูรูต้นตำรับชีวจิตยกเรื่องอาการฉี่ผิดปกติที่เกิดจากโรคสมองมาบอกเล่า ซึ่งสามารถประยุกต์หลายวิธีการแก้ไขไปใช้กับอาการฉี่ไม่ปกติที่อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่เป็นอยู่

โรคสมองหมายความว่า โรคต่างๆ เกี่ยวแก่สมอง ซึ่งมีหลายโรคเหลือเกิน โดยโรคเหล่านี้จะมีอาการเกี่ยวข้องกับอาการ ฉี่ผิดปกติอยู่ด้วยเสมอ

ขอยกตัวอย่างโรคเกี่ยวแก่สมองซึ่งเราค่อนข้างจะได้ยินบ่อยและรู้จักกันดีอย่างเช่น โรคเส้นโลหิตในสมองแตกหรืออุดตัน ซึ่งจะเรียกกันเป็นภาษาสามัญทางการแพทย์ว่า Strokes

ของไทยเราคงจะเรียกกันว่า โรคอัมพาต หรือถ้ามีอาการอย่างเบาๆ จะเรียกว่า โรคอัมพฤกษ์

โรคนี้ความผิดปกติเริ่มขึ้นที่สมองก่อน คือ เส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงสมองใหญ่ (Cerebrum) เกิดอุดตันหรือแตก หรืออาจจะเป็นสมองส่วนอื่นๆ ก็ได้ อย่างเช่นสมองส่วนกลาง

โรคสมอง

เมื่อเส้นเลือดแตก เลือดที่ไหลออกมาจะไปคั่งอยู่ในสมอง สมองส่วนอื่นๆ จึงทำงานไม่ได้ หรือถ้าเส้นเลือดอุดตัน เซลล์สมองส่วนที่ไม่ได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงก็จะตาย

เมื่อสมองส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ทำงานร่างกายที่เกี่ยวข้องกับสมองส่วนนั้นก็จะชาหรือพิการ เกิดอาการพิการไปครึ่งซีกหรือทั้งหมดของร่างกายได้

ที่น่าสังเกตคือ สมองใหญ่ 2 ซีกนั้นทำหน้าที่ควบคุมร่างกายแยกกันเป็นซีกตรงกันข้าม คือ ซีกซ้ายจะคุมร่างกายด้านขวา และซีกขวาจะควบคุมร่างกายด้านซ้าย

ฉะนั้นถ้าใครมีอาการเส้นโลหิตแตกหรืออุดตันในสมองซีกซ้าย ร่างกายด้านขวาจะเป็นอัมพาต หรือเป็นที่สมองด้านขวา ร่างกายด้านซ้ายก็จะเป็นอัมพาตกลับกันอย่างนี้

 

คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป

นอกจากนี้ยังมีโรคของสมองอีกหลายโรคที่มีผลกระทบต่อร่างกายบางซีกบางส่วน หรืออาจกระทบร่างกายทั้งตัวก็ได้เช่นกัน อย่างโรคพาร์กินสันที่ทำให้มีอาการสั่นเฉพาะบางส่วนของร่างกายหรือทั้งตัว โรคลมชัก หรือ ลมบ้าหมู ที่ทำให้มีอาการชัก เกร็ง และกระตุกโรคอัลไซเมอร์และความจำเสื่อมเพราะ

ความชรา (Alzheimer’s Disease และ Senile Dementia) และยังมีโรคเกี่ยวแก่สมองอื่นๆ อีกหลายอย่าง

ที่อยากจะสรุปในตอนนี้คือว่า โรคเกี่ยวแก่สมองต่างๆเหล่านี้จะมีอาการปัสสาวะผิดปกติร่วมอยู่ด้วยเสมอ สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งคือว่า อาการฉี่ผิดปกติจากโรคสมองนี้ผิดกับอาการฉี่ผิดปกติจากโรคที่ไม่เกี่ยวแก่สมอง

โรคสมอง

ผิดกันอยู่ตรงที่ว่า การฉี่ผิดปกติของโรคที่ไม่เกี่ยวแก่สมองนี้ ส่วนมากเราพอจะบังคับไม่ให้ฉี่ราดได้ อย่างเช่น โรคเบาหวานหรือต่อมลูกหมากอักเสบนั้นต้องฉี่บ่อยๆ ก็จริง และบางครั้งปวดฉี่จนหน้าเขียวก็จริง แต่ยังพอบังคับหรือกลั้นไว้ได้หน่อยหนึ่ง ถ่วงเวลาจนกระทั่งวิ่งไปถึงห้องน้ำได้ (แม้กระทั่งถึงห้องน้ำแล้วมีคนยืนฉี่อยู่ก่อน ก็พอมีโอกาสทำหน้ากระมิดกระเมี้ยนยืนกลั้นรออยู่ได้อีกสักครู่)

แต่การฉี่ผิดปกติเพราะโรคเกี่ยวแก่สมองนั้นจะทำให้กลั้นไม่อยู่ ส่วนมากมักจะฉี่ราด หรือบางทีไม่รู้ตัวว่าปวดฉี่ด้วยซ้ำอยู่ดีๆ ปัสสาวะก็ราดออกมาเฉยๆ

ฉี่ราดเฉยๆ โดยไม่รู้ตัวเช่นนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล ใครที่ไม่เคยต้องดูแลผู้ป่วยโรคสมองเหล่านี้คงจะไม่เข้าใจหรอกว่า การดูแลการขับถ่ายของผู้ป่วยซึ่งรวมทั้งการปัสสาวะผิดปกติอยู่ด้วยนี้เป็นเรื่องน่าสงสารและเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสสำหรับผู้ป่วย ผู้ดูแล หรือผู้พยาบาลเพียงใด

 

คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป

เพราะฉะนั้นบทความตอนนี้จึงมุ่งที่จะช่วยบรรเทาความทรมานของผู้ป่วยและบรรเทาความอดทนอย่างหนักหนาสาหัสสำหรับผู้พยาบาลและผู้ดูแลเสียก่อน

แต่อย่าลืมนะครับว่า การบรรเทาหรือบำบัดนี้ไม่ใช่การรักษา การจะแก้อาการต่างๆ ให้หายโดยเด็ดขาดต้องแก้ตัวโรคซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการให้ได้เสียก่อน แล้วอาการต่างๆ ก็จะหายไปเอง

ขออธิบายเรื่องกายวิภาคของสมองสักนิดหนึ่ง สมองคือกองบัญชาการใหญ่ของร่างกาย การจะเคลื่อนไหวส่วนใดของร่างกายต้องเริ่มที่สมองก่อน แล้วสมองจะสั่งมาที่กระดูกสันหลังกระดูกสันหลังจะสั่งการไปที่ระบบประสาทและกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายให้เคลื่อนไหวได้

โรคสมอง

ในขณะเดียวกัน สมองที่ควบคุมความรู้สึกปวดและการสั่งการให้อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการฉี่ทำงานจะอยู่บริเวณส่วนหนึ่งของสมองส่วนกลาง ซึ่งเรียกว่า Hypothalamic Region

ถ้าสมองส่วนนี้ถูกกดหรือไม่ทำงาน กระบวนการฉี่จะเสียไปหมด ขอยกตัวอย่างของผู้ป่วยอัมพาต ถ้าเป็นรุนแรงจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ พูดไม่ได้ ระบบต่างๆ ของร่างกายเรรวนหมดอย่างนี้ เรียกว่าอาการหนักมาก

ในกรณีนี้ เรื่องการฉี่คงจัดการอะไรไม่ได้ ต้องใส่ท่อสวนกระเพาะปัสสาวะและปล่อยให้ปัสสาวะไหลลงถุงตลอดเวลา

 

คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป

โรคสมอง

ถ้าคนไข้ยังพอรู้ตัว แม้จะพูดไม่ได้ แต่พอกระดุกกระดิกตัวได้ มีวิธีช่วยเหลือดังนี้

1. ให้สังเกตว่าคนไข้เครียดมากหรือเปล่า ถ้าคนไข้เครียดลองจับเนื้อตัวแขนขาดู จะเห็นว่ากล้ามเนื้อเกร็งแข็งไปหมดในกรณีนี้แทนที่จะฉี่ราดก็กลับฉี่ไม่ค่อยออก

วิธีแก้คือ เช็ดเนื้อเช็ดตัวคนไข้ให้สะอาด เพื่อให้สบายตัวแล้วนวดแบบสบายๆ (ไม่ใช่นวดเส้น) คือ ใช้ฝ่ามือนวดกดผสมกับใช้หัวแม่มือกดผ่อนคลาย

ถ้าคนไข้นอนคว่ำได้ ให้นวดกดบริเวณก้นกบเบาๆ พอคนไข้สบาย กล้ามเนื้อก็จะหายเกร็งและเริ่มปัสสาวะได้

2. ถ้าฉี่ออกและฉี่ราดบ่อยๆ หากระบอกฉี่ (ผู้ชาย) ไว้ข้างตัว ถ้าเป็นผู้หญิง ใช้โถฉี่ชนิดวางบนเตียงได้ พยายามหัดให้ฉี่เป็นเวลา ประมาณทุกชั่วโมง จะฉี่ออกหรือไม่ออกก็ให้หัดฉี่ไว้ก่อน ข้อสำคัญ อย่าให้คนไข้เครียด โดยการให้ฟังเพลง ดูทีวี หรือซีดีเรื่องตลกๆ เบาสมองให้มากๆ

3. ถ้าคนไข้เคลื่อนไหวได้หรือเดินได้ ให้ออกกำลังกายท่ารำกระบอง คือ ท่าแถม โดยการยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อยใช้วงแขนสองข้างคล้องกระบองเอาไว้ด้านหลังลำตัวบริเวณบั้นเอวฝ่ามือประสานกันไว้ด้านหน้า หรือวางฝ่ามือแนบราบกับหน้าท้องก็ได้

เขย่งให้ส้นเท้าขึ้นสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ลดตัวลงนั่ง โดยยังคงเขย่งส้นเท้าอยู่ ตามองตรง ไม่ก้มหน้า ไหล่ตรงผึ่งผายลำตัวตั้งตรง แล้วขย่มตัวให้ก้นแตะส้นเท้า 3 ครั้ง

จากนั้นยืนขึ้น โดยยังเขย่งส้นเท้าอยู่ตลอดเวลาเมื่อตัวตั้งตรง แล้วลดส้นเท้าลงสู่พื้น นับเป็น 1 ครั้ง ให้ทำอย่างน้อยครั้งละ 5 - 10 เซต

 

คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป

4. ถ้าคนไข้เคลื่อนไหวได้ดีและสามารถพูดจาเข้าใจเหมือนคนปกติ ให้ลองหัดวิธีบริหารแบบขมิบ ที่เรียกกันว่า Kegel Exercise

วิธีฝึกที่ดีคือ ขณะกำลัง “ฉี่” อยู่ อย่าปล่อยให้ฉี่จนสุดแต่ให้กลั้นหยุดฉี่ไว้ นับ 1 - 10 แล้วจึงฉี่ต่อ ทำหลายๆ ครั้งต่อไปจะกลั้นฉี่และบังคับฉี่ได้เอง

5. สมุนไพรบางตัวสามารถนำมาทำเป็นชาชงน้ำดื่มได้ดี เช่นต้นขัดมอญ ใบทองพันชั่ง ใบเหงือกปลาหมอ ใช้ทีละอย่างอย่าปนกัน

วิธีการคือ หั่นสมุนไพรเหล่านี้เป็นชิ้นเล็กๆ นำไปตากให้แห้ง แล้วคั่วพอหอม ใช้ชาสมุนไพรแห้ง (ชนิดใดชนิดหนึ่ง) 3 หยิบมือ ต้มกับน้ำพอประมาณ กรองเฉพาะน้ำดื่ม (ควรดื่มวันละอย่าง สลับกัน)

Kegel Exercise คืออะไร

KegelExercise คือ การฝึกเกร็งกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดหรือกล้ามเนื้อบริเวณก้น

ท่าบริหารนี้จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ ของระบบทางเดินปัสสาวะทำงานดีขึ้น จึงช่วยแก้อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้เป็นอย่างดี

โรคสมอง

 

 

ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 333 

 

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.