4 วิธีง่ายๆ บำรุงต่อมเสริมสร้าง ภูมิชีวิต ป้องกันโรค
แม้โลกนี้ยังไม่มียาอายุวัฒนะให้คนเป็นหนุ่มสาวตลอดไป แต่การสร้าง ภูมิชีวิต ให้แข็งแรงนั้น ก็ช่วยให้เราคงความแข็งแรงและเป็นหนุ่มเป็นสาวไว้ได้ยาวนาน
ชีวจิต จึงขอเสนอวิธีที่ช่วยให้อวัยวะและต่อมที่มีส่วนช่วยสร้างภูมิชีวิตของเรา ทำหน้าที่ได้อย่างแข็งขัน ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อน และล้างพิษ รับรองว่าทุกวิธีทำตามง่าย ได้ผลจริง
1. พักผ่อนนอนหลับ
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต แนะนำอยู่เสมอว่า ควรนอนหลับให้สนิท และหลับให้ลึก ซึ่งใช้เวลา 4 - 5 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว และเมื่อร่างกายหลับสนิท ยาวิเศษที่ชื่อว่า โกร๊ธฮอร์โมน จะหลั่งออกมา จากการศึกษาของ สถาบัน The J. David Gladstone มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา อธิบายประโยชน์ของโกร๊ธฮอร์โมนที่หลั่งออกมาเมื่อเราหลับสนิทว่า
“โกร๊ธฮอร์โมนช่วยส่งเสริมการทำงานของ ต่อมไทมัส ที่มีหน้าที่ผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันที่เรียกว่าทีเซลล์ และพบว่า สามารถส่งผลต่อขนาดและการทำงาน รวมไปถึงทำให้จำนวนทีเซลล์ที่ผลิตออกมาเพิ่มขึ้นด้วย”
เราสามารถหลับลึกได้เพียงแค่ปฏิบัติตามเทคนิคง่าย ๆ คือ
นอนสมาธิ
หนังสือ สุขภาพดี ราคาถูก ด้วยชีวจิต โดยสาทิส อินทรกำแหง สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ แนะนำวิธีฝึกสมาธิซึ่งจะช่วยคลายเครียดทางใจ ทำให้หลับสนิท ไม่ฝัน ดังนี้
1. หลับตา ให้ใจเพ่งไปที่จุดตาที่สามซึ่งอยู่ระหว่างคิ้ว
2. หายใจสบาย ๆ 3 จังหวะ คือ หายใจเข้า กลั้นไว้ หายใจออก
3. กลับมาหายใจตามปกติ นับลมหายใจเดินหน้า - ถอยหลัง
โดยการ
หายใจเข้า - ออกครั้งแรก นับ 1
หายใจเข้า - ออกครั้งที่สอง นับ 2
หายใจเข้า - ออกครั้งที่สาม นับ 1
หายใจเข้า - ออกครั้งที่สี่ นับ 2
หายใจเข้า - ออกครั้งที่ห้า นับ 3
หายใจเข้า - ออกครั้งต่อไปก็กลับไปเริ่มนับ 1 ใหม่อีกครั้ง
นับลมหายใจเช่นนี้ไปจนหลับ
เพียงเท่านี้กายใจก็จะได้พักผ่อนเต็มที่ ทั้งยังช่วยให้การนอนหลับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีภูมิชีวิตที่ดี
งีบเพิ่มภูมิชีวิต
จากงานวิจัยใน Journal of Clinical Endocrinology & Metabolism (JCEM) โดยมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส พบว่า การงีบ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีส่งผลให้ระดับโปรตีนอินเตอร์ลิวคิน – 6 (interleukin-6) ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับปกติ
นายแพทย์ ดร.ไบรส์ ฟาเราท์ อธิบายเพิ่มเติมว่า การงีบจะช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการอดนอน โดยช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและระบบต่อมไร้ท่อที่ควบคุมสั่งการโดยระบบประสาท และช่วยปรับอารมณ์เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และความจำได้อีกด้วย
2. กินสร้างภูมิชีวิต
เพราะการกินเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพ เราก็ต้องอาศัยสารอาหารเข้าไปช่วยบำรุงหล่อเลี้ยงเช่นกัน เรามีเทคนิคต่างๆ มาฝากดังนี้
4 เทคนิคกินเสริมเกราะ
คุณมิเชล ชคอฟโฟร คุก นักโภชนาการและผู้เขียนหนังสือ Weekend Wonder Detox และ คุณนาเดีย เฮริส วิทยาศาสตรมหาบัณฑิตด้านโภชนาการ มีเทคนิคการกินเสริมการทำงานของอวัยวะสร้างภูมิชีวิตดังนี้
ดื่มน้ำเปล่า บอกลาน้ำผลไม้รสหวาน หากร่างกายขาดน้ำ น้ำเหลืองในระบบน้ำเหลือง (ประกอบไปด้วย ต่อมน้ำเหลือง ม้าม ต่อมไทมัส และต่อมทอนซิล) จะไหลเวียนอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำเปล่าเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลือง ในขณะเดียวกันไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ตามท้องตลาดทั่วไปเพราะมีน้ำตาลปริมาณสูง ซึ่งจะส่งผลให้ระบบน้ำเหลืองทำงานหนัก
กินผลไม้สดตอนท้องว่าง เพราะเอนไซม์และกรดในผลไม้มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดระบบน้ำเหลือง เมื่อกินตอนท้องว่างจะยิ่งกระตุ้นระบบย่อยอาหาร และผลไม้ส่วนใหญ่ยังใช้เวลาในการย่อยเพียง 30 นาทีโดยประมาณ จึงช่วยให้รู้สึกสดชื่นในเวลาอันรวดเร็ว
กินถั่วและเมล็ดธัญพืช วอลนัท อัลมอนด์ เฮเซลนัท แมคาเดเมีย บราซิลนัท เมล็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะโอเมก้า-3 ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของทีเซลล์ในระบบน้ำเหลือง
กินปลาและผักใบเขียว อาหารทั้งสองชนิดนี้อุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งจะแตกตัวเป็นกรดแอมิโนจำเป็น โดยร่างกายควรได้รับโปรตีนวันละ 46 - 56 กรัม เพื่อนำไปใช้ในการสร้างไขกระดูกและเนื้อเยื่อ
จากงานวิจัยตีพิมพ์ใน The American Journal of Clinical Nutrition ระบุว่า “ผู้ป่วยที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกจะมีความต้องการโปรตีนและพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการศึกษาแนะนำว่า ผู้ป่วยที่ได้รับโปรตีน 1.4 - 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมทุกวัน จะช่วยให้มีการซ่อมแซมและเสริมสร้างไขกระดูกได้”
วิตามินเพิ่มภูมิชีวิต
สิ่งที่จะช่วยให้อวัยวะสร้างภูมิชีวิตนี้ทำงานได้มีประสิทธิภาพก็คือวิตามินในกลุ่มแอนติออกซิแดนต์ (Antioxidants) และพระเอกที่เรารู้จักกันดีก็คือวิตามินซี เนื่องจากมีหน้าที่สร้างคอลลาเจน ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (Mutation) รักษาอาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสทั้งยังป้องกันเซลล์ต่าง ๆ ในระบบเลือดขาวถูกทำลาย
ทั้งนี้ โจชัวร์ ไบเลย์ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยนอร์ท-แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ว่า “วิตามินกลุ่มแอนติออกซิแดนต์จะทำหน้าที่สำรวจเซลล์ต่อมไทมัสเพื่อทำลายอนุมูลอิสระที่อาจไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทมัสได้”
ดังนั้นหากจะเลือกผักผลไม้ครั้งต่อไป พิจารณาที่มีวิตามินกลุ่มนี้ไว้ก่อนเป็นอันดับต้น ๆ เลยค่ะ
กินอาหารชีวจิต
การกินเพื่อสร้างภูมิชีวิตมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การเลือกสรรอาหารที่ปราศจากท็อกซิน นั่นคือ มีความสด สะอาด และปนเปื้อนน้อยที่สุด
แพทย์หญิงฟิลลิส ไซเฟอร์ ได้อธิบายความหมายของคำว่าท็อกซิน (Toxin) ไว้ว่า เป็นสารหรือปฏิกิริยาเคมีภายในและภายนอกร่างกาย ซึ่งสามารถทำให้เกิดการรบกวน (Irritating) หรือเกิดอันตรายต่อสุขภาพกดดันการทำงานด้านชีวเคมีและการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งอาหารที่ทำให้ร่างกายเกิดท็อกซิน ได้แก่ น้ำตาลขาว แป้งขัดขาว และเนื้อสัตว์ย่อยยากทั้งหลาย
ดังนั้นหากใครต้องการปรับพฤติกรรมการกินเพื่อช่วยให้ต่อมและเซลล์ต่าง ๆ ในระบบภูมิชีวิตทำงานได้ดีขึ้น แนะนำให้กิน อาหารชีวจิต ซึ่งเป็นอาหารที่ปราศจากท็อกซิน เพราะมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่ง
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง คิดสูตรอาหารชีวจิตโดยปรับปรุงจากหลักการแมโครไบโอติกส์ให้เหมาะกับสภาพและวิถีชีวิตของคนไทย โดยจัดเป็นสูตรไว้ดังนี้
1. อาหารประเภทแป้งซึ่งไม่ขัดขาว 50 เปอร์เซ็นต์
2. ผัก 25 เปอร์เซ็นต์
3. ถั่วต่าง ๆ จัดอยู่ในประเภทโปรตีน 15 เปอร์เซ็นต์
4. เบ็ดเตล็ด เช่น ซุปมิโซะ ของขบเคี้ยวจำพวกธัญพืช เช่น งาสด งาคั่ว เมล็ดฟักทอง 10 เปอร์เซ็นต์
*งดเนื้อสัตว์ย่อยยาก นม และแป้งขัดขาว รวมถึงไขมันเลว เช่น ไขมันสัตว์ กะทิ เป็นต้น
3. ออกกำลังกายเสริมเกราะ
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพนั้น มีจุดประสงค์หลัก ๆ คือให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพสมบูรณ์ทั้งกายใจ ไม่มีโรคภัย โดยอาจารย์สาทิสได้แบ่งประเภทของการออกกำลังกายไว้ในหนังสือ เรื่องของภูมิชีวิต โดยสาทิส อินทรกำแหง สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ ดังนี้
1. การออกกำลังกายจริง ๆ เพื่อเสริมเกราะภูมิชีวิตนั้น ต้องออกแรงจนถึงจุดสูงสุดที่เรียกว่าพีค (Peak) สังเกตจากอาการดังนี้ เหงื่อแตกพลั่ก หัวใจเต้นแรง สามารถวัดชีพจรได้ตั้งแต่ 100 - 120 ครั้งต่อนาที และประโยชน์ของการออกกำลังกายให้ถึงจุดสูงสุดคือ โกร๊ธฮอร์โมน จะหลั่งออกมา จึงสามารถเลือกเล่นกีฬาชนิดใดก็ได้ที่ถนัดและสนุกจนถึงจุดพีค การออกกำลังกายนั้นก็จะเกิดประสิทธิผล
2. การบริหารร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานสมบูรณ์ขึ้น เช่น ระบบหายใจ ระบบเลือด ระบบประสาท โดยสามารถทำได้ด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อประกอบกับการทำสมาธิ เช่น โยคะ ชี่กง รำกระบอง เป็นต้น
โดยการออกกำลังกายและบริหารร่างกายเหล่านี้ควรเลือกบริหารในช่วงเช้า และทำติดต่อกัน 1 - 2 ชั่วโมงจึงจะเห็นผล
คุณมิเชล ชคอฟโฟร คุก แนะนำเพิ่มเติมว่า “ควรฝึกหายใจควบคู่ไปด้วย โดยการหายใจให้ยาวลึกไปถึงช่องท้อง เนื่องจากระบบน้ำเหลืองในร่างกายนั้นไม่มีอวัยวะใดคอยปั๊มเหมือนหัวใจที่ปั๊มเลือด
น้ำเหลืองในร่างกายจึงอาศัยการหายใจลึก ๆ ของมนุษย์ในการลำเลียงท็อกซินเข้าสู่เลือดเพื่อทำการกำจัดท็อกซินนั้นผ่านตับ” ดังนั้นการหายใจอย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบน้ำเหลืองได้มาก
นอกจากนี้คุณโจชัว ไบเลย์ ยังให้ข้อมูลว่า “การออกกำลังกายทุกวันยังช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตกระจายได้ทั่วร่างกายรวมไปถึงต่อมไทมัส และการที่ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานเต็มประสิทธิภาพจะช่วยขับของเสีย ไม่ให้เกิดการทำลายหรือรบกวนการทำงานของต่อมไทมัสได้”
โยคะฟิตต่อมไทมัส
ดร.เจฟ มิกโดว์ แพทย์ด้านการรักษาแบบองค์รวม ผู้ศึกษาเรื่องดอกไม้บำบัด โฮมีโอพาธี และโยคะ แนะนำว่า “การเล่นโยคะช่วยส่งเสริมการทำงานของต่อมไทมัสได้ โดยเลือกท่าที่เน้นเปิดบริเวณอกและคอ เช่น ท่าอูฐ ท่าโต๊ะ เป็นต้น
รู้อย่างนี้แล้วก็ลุกขึ้นมาขยับเขยื้อนร่างกายกันตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ
4. ดีท็อกซ์สลายท็อกซิน กระตุ้นภูมิชีวิต
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงทราบถึงพิษภัยของศัตรูตัวฉกาจที่ชื่อท็อกซินกันแล้ว อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง อธิบายไว้ในหนังสือสุขภาพดี ราคาถูก ด้วยชีวจิต สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ ว่า การทำดีท็อกซ์ (Detoxification) คือ การเอาท็อกซิน (Toxin) หรือพิษที่เกิดจากท็อกซินภายใน (Endotoxin) ออกจากตัวเพราะท็อกซินเป็นตัวทำลายภูมิชีวิตและทำให้เรามีอาการเจ็บป่วยในที่สุด
การกำจัดท็อกซินด้วยวิธีธรรมชาติผ่านระบบต่าง ๆ ของร่างกายนั้นอาจทำได้ไม่เพียงพอและไม่ทันกาล เราจึงจำเป็นต้องช่วยด้วยวิธีดีท็อกซ์ โดยแบ่งออกเป็น 4 วิธี ซึ่งสามารถทำได้เองที่บ้าน
1. การสวนทวารหนักด้วยน้ำกาแฟเพื่อขับท็อกซินออกจากร่างกาย ดร.ลอว์แรนซ์ วิลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์โภชนาการ และผู้ศึกษาด้านการขับสารพิษ (Detoxification) มาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี ได้แนะนำว่า การสวนน้ำกาแฟ นั้นมีส่วนช่วยในการทำงานของ เพเยอร์สแพตช์ (ต่อมน้ำเหลืองเล็ก ๆ ในช่องท้อง) รวมถึง ไส้ติ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลำไส้ เพราะเป็นการขับสารพิษและสิ่งตกค้างในลำไส้ออกไป ช่วยให้ทั้งสองส่วนนี้ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคได้ดีขึ้น
2. การออกกำลังกาย นอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้โกร๊ธฮอร์โมนหลั่งแล้ว ร่างกายจะขับของเสียผ่านรูขุมขนในรูปของเหงื่อ
3. การอบด้วยความร้อนหรืออบไอน้ำ เป็นวิธีการขับท็อกซินตามธรรมชาติผ่านทางรูขุมขนของร่างกาย
4. การดื่มน้ำสมุนไพรหรือเอนไซม์ ซึ่งจะไปช่วยกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น
จากข้อมูลที่นำมาฝากกันจะเห็นได้ว่า ทุกวิธีนั้นปฏิบัติตามง่าย และเชื่อว่าหากผู้อ่านนำไปปฏิบัติแล้ว ย่อมจะช่วยทำให้อวัยวะและต่อมทั้ง 7 ที่สร้างภูมิชีวิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลที่ได้คือ ทุกคนจะมีสุขภาพแข็งแรง อ่อนเยาว์ และอายุยืนแน่นอนค่ะ
จาก คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 403 (16 กรกฏาคม 2558)
บทความน่าสนใจอื่นๆ
ภูมิชีวิตดี หลีกหนีไซนัสอักเสบ
ประสบการณ์สุขภาพ สยบ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ด้วยผักผลไม้ สไตล์ชีวจิต