เสริมหน้าอกให้นมลูก ปลอดภัยหรือหายนะ
เสริมหน้าอกให้นมลูก เป็นหนึ่งในคำถามที่ถามกันเข้ามาบ่อยจากบรรดาคุณแม่มือใหม่ที่เคยทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก รู้สึกกลัว ไม่มั่นใจ ว่าหน้าอกซิลิโคนจะมีผลกับน้ำนมหรือไม่ วันนี้มีคำตอบจาก คุณหมอชัญวลี ศรีสุโข เป็นสูติ- นรีแพทย์ โรงพยาบาลประจำจังหวัดพิจิตร ค่ะ
คำถาม :
เรียนคุณหมอชัญวลี ดิฉันกำลังเตรียมตัวมีลูกค่ะ แต่เพิ่งผ่านการผ่าตัดเสริมเต้านมมา จึงกังวลว่าอุปกรณ์ที่ใส่มาในเต้านมมีผลต่อการสร้างน้ำนม และทำให้มีน้ำนมน้อยหรือไม่ นอกจากนี้ดิฉันควรเตรียมตัว หรือจัดการดูแลเต้านมของตัวเองอย่างไร เพราะอยากให้ลูกได้กินนมแม่ค่ะ
คำตอบ :
ปัจจุบันผู้หญิงเสริมเต้านมเพื่อความสวยงามกัน มากขึ้น แม้ไม่ได้ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงเหมือนสมัยก่อน จนการผ่าตัดเสริมเต้านมเป็นการผ่าตัดเสริมสวยที่พบมากที่สุด คนไข้หลายคนที่มาฝากครรภ์ แม้มีการตรวจเต้านมตามมาตรฐาน แต่หากไม่บอกว่าไปเสริมเต้านมมา บางทีหมอก็ไม่รู้ เพราะปัจจุบันแพทย์ไทยที่ผ่าตัดเสริม เต้านมฝีมือดีมาก และสารที่ใช้เสริมเต้านมก็มีลักษณะ เหมือนธรรมชาติ หากไม่ทำให้ใหญ่โตเกินไป
แม้จะทั้งดูทั้งคลำแล้วก็แทบไม่รู้เลยว่าไปเสริมมา อย่างไรก็ตาม คุณแม่หลายคนที่มาฝากครรภ์จะ บอกแต่เนิ่นๆว่าไปเสริมเต้านมมา เพราะส่วนใหญ่เกรงปัญหาเรื่องการให้นมลูก
คำแนะนำสำหรับคนที่กำลังคิดจะเสริมเต้านม
หากเป็นไปได้ควรมีลูกให้เรียบร้อยก่อนจึงเสริมเต้านม เนื่องจากอาจมีปัญหาในการให้นมลูกดังนี้ค่ะ
- ปัญหานมคัดตึงตอนตั้งครรภ์และตอนให้นมลูก เนื่องจากการผ่าตัดเสริมเต้านมอาจมีการทำลายต่อมน้ำนม ท่อน้ำนม เส้นเลือด เส้นประสาทบ้าง โดยเฉพาะแผล ผ่าตัดที่อยู่ใต้ลานนม รวมทั้งการเพิ่มปริมาตรนมจากสารที่เสริม ทำให้ขณะตั้งครรภ์และตอนให้นมลูก นมอาจบวมคัดตึง รู้สึกไม่สบายมากกว่าปกติ
- ปริมาณของน้ำนม โดยทั่วไปปริมาณของน้ำนมจะไม่ลดลง หากลูกได้ดูดนมตั้งแต่หลังคลอด ดูดทุก 2 ชั่วโมงหลังช่วงคลอดใหม่ๆ และอมหัวนมจนมิดลานนมอย่างถูกวิธี แต่ในแม่บางรายที่เสริมเต้านมอาจรู้สึกชาหัวนมเมื่อลูกดูดนม นอกจากนี้ปฏิกิริยาของ ระบบประสาทที่กระตุ้นให้นมไหลพุ่งออกจากหัวนมอาจลดลง จึงทำให้นมไหลน้อยลง
- ความสำเร็จในการให้นมแม่ พบว่าโอกาสให้นมแม่อย่างเดียว 6 เดือนในคนที่เสริมเต้านมประสบความสำเร็จน้อยกว่าคนที่ไม่เสริมเต้านมถึง 3 เท่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้องไม่ใช่การเสริมเต้านมเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น
3.1 แม่ที่เสริมเต้านมมีความตั้งใจในการให้นมลูกน้อยกว่าคนไม่เสริมเต้านม โดยงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า ผู้หญิงที่เสริมเต้านมมักเป็นผู้หญิงอายุน้อย ฐานะดี สุขภาพแข็งแรง แต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว มีความวิตกกังวลกับรูปลักษณ์ของตนเอง บางคนมีบุคลิกภาพเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ ซึมเศร้า เครียดง่าย รู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่าและความมั่นใจ
3.2 เกรงว่าสารที่เสริมเต้านมจะทำอันตรายต่อลูก ในที่นี้คือซิลิโคนเหลว ซึ่งแม้แต่ตัวแม่เองก็มีรายงานว่า อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้เพิ่มขึ้น จึงมีความกังวลว่า หากเกิดการรั่วหรือแตกอาจเป็นอันตรายต่อลูกที่ดูดนมจากเต้า โดยมีรายงานว่า หากแม่เสริมเต้านมและมี ซิลิโคนรั่ว ลูกก็มีโอกาสเป็นภูมิแพ้และอาจมีปัญหาที่หลอดอาหารสูงกว่ารายที่แม่ไม่ได้เสริมเต้านม แต่เมื่อทบทวนงานวิจัยแล้ว ยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นวิทยาศาสตร์ว่าจะเกิดอันตรายต่อลูกและแม่แต่อย่างใด
3.3 เกรงว่าหน้าอกที่ไปทำมาจะหย่อนคล้อยหากให้นมลูก แม้มีงานวิจัยยืนยันว่า แม่ที่เสริมเต้านมแล้วให้นมลูก เต้านมจะหย่อนคล้อยเท่าคนทั่วไปที่ไม่ได้เสริมเต้านม เพราะตอนตั้งครรภ์นั้นหน้าอกจะขยายและตึงมาก หลังคลอดจึงหย่อนคล้อยกว่าเดิมเป็นเรื่องธรรมดา
3.4 อาการผิดปกติจากภาวะแทรกซ้อนหลังการเสริมเต้านม เช่น มีการอักเสบติดเชื้อ เจ็บแผลเป็นที่ผิวหนัง หัวนมเต้านมชาไม่มีความรู้สึกหรือมีความรู้สึกไวต่อความเจ็บปวด สารที่ใช้เสริมแตกหรือรั่ว ซึ่งยิ่งเสริมมานานก็ยิ่งมีโอกาสแตกหรือรั่วสูงขึ้น
แม้มีปัญหาบ้างดังที่กล่าวมา แต่คำยืนยันจากแพทย์ คือ แม่ที่เสริมเต้านมสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ไม่ต่างจากแม่ที่ไม่ได้เสริมเต้านม โดยมี
ข้อแนะนำสำหรับแม่ที่เสริมเต้านมที่ต้องการให้นมลูก
ดังนี้ค่ะ
- ให้มั่นใจถึงประโยชน์ของนมแม่ที่มีต่อลูกและแม่อย่างมหาศาล เช่น มีสารอาหารครบถ้วน ลดการเกิดภูมิแพ้และเสริมภูมิต้านทานโรคให้ลูก สร้างสายใยรักและความผูกพันระหว่างลูกกับแม่ ลดอัตราการเจ็บป่วยและช่วยให้ลูกฉลาดแข็งแรง นอกจากนี้ยังทำให้มดลูกแม่เข้าอู่เร็ว ทำให้แม่ไม่อ้วน เป็นต้น
- มั่นใจว่าปริมาณน้ำนมเพียงพอแน่ การเสริมเต้านมไม่มีอันตรายใดๆต่อแม่และลูกจากการให้นมแม่
- แม่ควรดูแลตนเองให้แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ไม่ให้ขาดอาหารและเครียด หากมีปัญหาเต้านมและหัวนม ควรปรึกษาแพทย์ที่รับฝากครรภ์เพื่อแก้ไขก่อนคลอดลูก
- คุณพ่อและญาติๆควรสนับสนุนแม่ในการให้นมลูกด้วยการไม่พูดเรื่องการเสริมเต้านมกับการให้ นมลูกในทางลบ ขณะแม่ให้นมลูกควรให้กำลังใจ ปลอบโยน กล่าวคำชมเชย ช่วยเหลือในการดูแลลูก เพื่อให้แม่ไม่เครียดและพักผ่อนเพียงพอในช่วงให้นมลูก ขอให้มั่นใจว่าการให้นมเป็นของขวัญที่ดีที่สุด ที่แม่จะมอบให้ลูกได้
หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ อื่น ๆ สามารถปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่ฝากครรภ์เพิ่มเติม ได้ค่ะ
บทความน่าสนใจอื่นๆ
3 การรักษา 7 วิธีป้องกัน เริมที่ปาก