เป้าหมาย(สุขภาพ) มีไว้พุ่งชน
ปฏิบัติการรีดไขมันของคุณแซลลี่เริ่มขึ้นโดยการตั้งเป้าหมายสำคัญให้กับตัวเองและลงมือออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงทันที
“วิธีคิดที่ช่วยสร้างแรงฮึดในตอนนั้นก็คือ ถ้ามัวแต่ปล่อยให้ตัวเองอ้วนเผละ ไม่เริ่มดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ ฉันต้องมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ป่วยง่าย ตายเร็วแน่ๆ ที่สำคัญคือเกิดเป็นผู้หญิง ก็ขอสวยสักครั้งในชีวิตเถอะ
“พอคิดได้แบบนั้นก็รีบคว้าเสื้อกางเกงรัดรูปที่เขาชอบใส่กัน ออกไปเต้นแอโรบิคเลย เต้นได้ไม่ถึง 5 นาที ปรากฎว่าหน้ามืด เป็นลม (หัวเราะ)”
ถึงบททดสอบแรกจะไม่ง่ายดายนัก แต่คุณแซลลี่ยังคงไม่ลดละความพยายาม และแน่นอนว่าผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นตั้งใจจริงย่อมไม่ทำให้ใครผิดหวัง
“ฉันเต้นแอโรบิคแบบค่อยเป็นค่อยไป คุณครู เพื่อนกระโดดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เราทำได้แค่ยกแข้งยกขา เพราะอ้วนย้วยมาก แต่ก็ไม่ท้อ สู้สุดใจ เต้นแบบนี้สม่ำเสมอครบ1 ปี น้ำหนักลดลงมา10 กิโลกรัม เหลือประมาณ 77-78 เสื้อผ้าเริ่มหลวม ใส่ไม่ได้ สุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้น แต่รูปร่างยังไม่สวยอยู่ดีแถมนานวันเข้า น้ำหนักก็เริ่มคงที่”
คุณแซลลี่ตั้งข้อสันนิษฐานว่า นั่นอาจเป็นเพราะเธอหักโหมออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว โดยลืมใส่ใจเรื่องอาหารการกิน ซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน
“ฉันหันมาใส่ใจเรื่องการกิน ควบคุมอาหาร หัดทำกับข้าวง่ายๆ ที่ดีต่อสุขภาพกินเอง เช่น ปลาดุกย่าง น้ำพริก ไม่กินขนมหวาน น้ำอัดลมเลย เน้นกินผักผลไม้ และออกกำลังกายหนักมากขึ้น เช้าไปวิ่ง 1 ชั่วโมง เย็นเต้นแอโรบิกอีก 1 ชั่วโมง
“ช่วงไหนน้ำหนักไม่ยอมลง จิตตกถึงขั้นไม่กินข้าวเลยทั้งวัน กินแค่ผลไม้ 2-3 จาน และออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่งวันละ 5 ชั่วโมง ทั้งเต้นแอโรบิค วิ่งวันละ10 กว่ากิโลเมตร เข้าฟิตเนส ผลที่ได้คือน้ำหนักลดลง 26 กิโลกรัมอย่างรวดเร็ว เหลือเพียง 50 กว่ากิโลกรัม ภายใน 5 เดือน แต่รูปร่างย้วยไปหมด หน้าท้องห้อยเหมือนถุงกาแฟ น่าเกลียดมาก” เธอเล่าพลางทำหน้าตาเหยเก
“กินเพื่อผอม” เรื่องนี้มีอีกยาว
อ่านต่อ หน้าถัดไป นะคะ