ประโยชน์ของถั่ว และงา ของใกล้ตัว กินได้ กินดี
ถั่ว งา แหมประโยคนี้ นักร้องเพลงดำน้ำจะคุ้นกันดี แต่วันนี้แอดจะชวนมาดู ประโยชน์ของถั่ว และงา ว่าที่จริงแล้ว ของดีใกล้ตัวเราเนี่ย มีประโยชน์ช่วยบำรุงสุขภาพไม่น้อยเลย ซึ่งถั่วที่จะพูดถึงก็ไม่ใช่ถั่วนอกราคาแพง แต่เป็นถั่วเหลือง ที่เราคุ้นเคยกันตั้งแต่เด็ก ส่วนงา มีทั้งที่คุ้น และงา ที่ไม่คุ้น อุ๊บส์!
ประโยชน์ของถั่ว แน่นล้นเม็ด ธัญพืชใกล้ตัว ดีต่อทุกเพศทุกวัย
ประโยชน์ของถั่วเหลือง มีมากมายจนเรียกได้ว่าล้นเม็ดเล็กๆ เลยทีเดียว เพราะถั่วเหลือถือได้ว่าเป็นธัญพืชใกล้ตัว ที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง และยังหาได้ง่ายในราคาที่ไม่แพง ที่สำคัญคือดีต่อทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้หญิง ตั้งแต่วัยสาวจนถึงวัยทองเลยละค่ะ
ประโยชน์ของถั่วเหลือง
ในถั่วเหลืองมีสารอาหารสำคัญคือ โปรตีน ซึ่งเมื่อนับปริมาณโปรตีนต่อน้ำหนัก 100 กรัมแล้ว ต้องบอกว่าถั่วเหลืองมีโปรตีนเยอะกว่าในเนื้อสัตว์บางชนิดอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีสารในกลุ่มไอโซฟลาโวน เช่นเจนีสทีน เดดซีน และไกลซิทีน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนในเพศหญิง จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมถั่วเหลืองจึงดีต่อทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้หญิง
ถั่วเหลืองกับผู้หญิง
มีรายงานการวิจัยระบุว่า ถั่วเหลืองมีสรรพคุณมากมายที่ดีต่อผู้หญิง เพราะด้วยสารอาหารในกลุ่มไอโซฟลาโวนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น การช่วยลดอาการวูบวาบในวัยหมดประจำเดือน ลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านม รวมไปถึงช่วยให้สาววัยใสห่างไกลสิว และมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง
ถั่วเหลืองกับผู้ชาย
แม้จะมีสารอาหารที่คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง แต่สารเดดซีน และเจนิสทีน ที่อยู่ในถั่วเหลือง ก็ช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 4 ของเหล่าชายไทยเลยล่ะค่ะ
ถั่วเหลืองกับทุกเพศทุกวัย
ในถั่วเหลืองมีสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีผลช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนั้นแล้วถั่วเหลืองยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ที่มักเกิดขึ้นมากในเพศหญิง กระตุ้นการขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างคล่องตัว ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดสาเหตุสำคัญของโรคความดันโลหิตสูง
สูตรน้ำเต้าหู้
น้ำเต้าหู้เครื่องดื่มยอดฮิต ที่ทำจากถั่วเหลือง เป็นเครื่องดื่มมากประโยชน์จริงๆ แต่บางครั้งน้ำเต้าหู้ที่ซื้อมาก็อาจจะใส่น้ำตาลเยอะเกินไป หรือมีถั่วเหลืองแบบเจือจางเพราะอย่างนั้น เรามาทำน้ำเต้าหู้ด้วยตัวเองกันดีกว่าค่ะ เพราะวิธีการทำนั้นง่ายมากๆ
วัตถุดิบ
- ถั่วเหลือง 1 ถั่ว
- น้ำเปล่า 5 ถ้วย
- ใบเตย 2-3 ใบ
วิธีทำ
- ล้าง และคัดถั่วเหลืองที่เสียทิ้งไป จากนั้นแช่ทิ้งไว้ 1 คืน
- ปั่นถั่วเหลืองกับน้ำจนละเอียด กลายเป็นน้ำเต้าหู้ (ถ้าชอบน้ำเต้าหู้เข้มข้น ลดน้ำเปล่าเหลือ 1 ถ้วย เป็นอัตราส่วน 1:1 ไปเลย)
- กรองจนเหลือแต่น้ำ ก่อนนำไปตั้งไฟอ่อนๆ ต้มพร้อมใบเตย เคี่ยวนาน 20 นาที ปรุงน้ำตาลตามชอบ
เพียงเท่านี้ก็ได้น้ำเต้าหู้พร้อมดื่ม ที่เข้มข้นที่สำคัญคือไม่หวานมากด้วยค่ะ
แต่ก็มีข้อควรระวังนะคะ คือ ควรเลือกถั่วเหลืองที่สะอาดและมีคุณภาพ รวมถึงไว้ใจได้ เพื่อให้ปราศจากสารพิษอะฟลาทอกซิน ที่พบได้มากในธัญพืช และยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับ
งาดำ ประโยชน์ล้นๆ
จบจากถั่ว เราก็มาว่ากันที่งา ที่เขาบอกว่า ห้ามคั่วพร้อมกัน เพราะไม่อย่างนั้น งาที่สุกง่ายกว่า จะไหม้ก่อนที่ถั่วจะสุก และงาที่ไหม้ ไม่เพียงสูญเสียคุณค่าสารอาหาร แถมยังเพิ่มสารก่อมะเร็งอีกด้วย ดังนั้น คั่วงาถั่ว กับงา แยกกันนะคะ แต่งาที่คั่วกำลังดี มีประโยชน์อะไรบ้าง แอดจะเล่าให้ฟังค่ะ
“งาดำ” จัดเป็นซูเปอร์ฟู้ดราคาถูก และหาได้ง่าย โดยในงาเม็ดเล็กจิ๋วเหล่านี้เปี่ยมไปด้วยไขมันดี พ่วงด้วยวิตามินอี ซึ่งเหมาะมาก ที่จะนำมาบำรุงผม และผิวพรรณ ให้เปล่งประกาย รวมถึงช่วยคุณผู้ชายให้กระตุ้นผมเกิดใหม่ได้ด้วยนะคะ น่าสนใช่ไหมละ
งาดำ อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งเป็นไขมันดี และวิตามินอี ไม่เพียงบำรุงผิว บำรุงผม ยังมีคุณสมบัติช่วยลดระดับไขมันตัวร้ายในเลือด และคุณสมบัติที่ดีกับสุขภาพคือ
- ต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของผิวหนัง
- ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
- บำรุงกล้ามเนื้อ
- ยืดอายุเซลล์
- บำรุงกระดูก
- ปรับอารมณ์ให้สมดุล ลดภาวะซึมเศร้า และทำให้นอนหลับสบาย
- ต้านมะเร็ง ชะวัย
- ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง โรคหัวใจ
สำหรับการเลือกกินงาดำ แอดแนะนำว่า ควรเลือกเป็นงาดำอบหรือคั่ว ซึ่งมีสารอาหารมากกว่างาดำดิบ ที่สำคัญควรบดให้ละเอียด เพราะเยื่อหุ้มเมล็ดงา มีความเหนียวและทนต่อน้ำย่อย **การบดงาให้ละเอียดช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากงาดำได้ดี**
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ผสมงาดำ ที่ใช้งาดำอบหรือคั่วและผ่านการบด ผสมในผลิตภัณฑ์ เช่น ผงโรยข้าวจากงาดำบด นมถั่วเหลืองผสมงาดำบด งาดำทั้งเมล็ดที่โรยบนคุกกี้หรือขนมชนิดต่าง ๆ จึงให้ประโยชน์น้อยกว่า
รู้จัก งาขี้ม้อน ของดี บำรุงสมอง
จบจาก ประโยชน์ของถั่ว ของงา ที่เราคุ้นเคย ก็มาถึงอีกงาที่อาจไม่ค่อยได้ยินชื่อบ่อยนัก ก็คือ งาขี้ม้อน งาเมล็ดเล็กที่คล้ายข้าวฟ่าง มีกลิ่นหอม มีชื่อแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น เช่น งาขี้ม้อน งาพื้นเมือง งาหอม งาดอย งาม่อน เป็นงาที่นิยมปลูกทางภาคเหนือ
ประโยชน์ของงาขี้ม้อน
เภสัชกรหญิงจุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก ให้ข้อมูลไว้ในหนังสือ สมุนไพรลดไขมัน 140 ชนิดว่า เมล็ดงาขี้ม้อนมีสรรพคุณชูกำลัง ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น แก้ท้องผูก แถมช่วยลดไขมันในเลือดอีกด้วย วิธีกินให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพที่ง่ายที่สุดคือ ชงกับน้ำสะอาด 1 แก้ว ดื่มวันละ 2 เวลา คือ เช้าและเย็น
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่แนะนำว่า เมล็ดงาขี้ม้อน 100 กรัม ประกอบด้วยโปรตีน 15.7 กรัม ไขมัน 26.3 กรัม คาร์โบไฮเดรต 37 กรัม มีแคลเซียมสูงถึง 350 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 33 มิลลิกรัม ทั้งยังอุดมด้วยวิตามินและสารแอนติออกซิแดนต์หลายชนิด เช่น กรดโรสมารินิก (Rosmarinic Acid) และสารลูทีโอลิน (Luteolin) มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้
โดยมีรายงานวิจัยจากวารสาร Food Science andTechnology (Campinas) ระบุว่า เมล็ดงาขี้ม้อนมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเมล็ดเจียและแฟลกซ์ซี้ด แถมยังมีโปรตีนและไขมันดีสูงกว่าอีกด้วย สามารถนำเมล็ดงาขี้ม้อนมาสกัดน้ำมันเพื่อสุขภาพ เพราะมีไขมันดีสูง โดยอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายชนิด ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า – 3 สูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ กรดไขมันโอเมก้า – 6 22 เปอร์เซ็นต์ และเพราะน้ำมันงาขี้ม้อนได้รับการยอมรับว่ามี กรดไขมันโอเมก้า – 3 สูง จึงช่วยบำรุงสมองและป้องกันโรคต่างๆ เช่นเดียวกับน้ำมันเมล็ดลินินและน้ำมันปลา จะกินสดหรือปรุงสุกก็ให้คุณค่าทางอาหารสูง โดยชาวพื้นเมืองในภาคเหนือนิยมโขลกเมล็ดงาขี้ม้อนกับเกลือ กินคลุกกับข้าวเหนียว หรือนำเมล็ดใส่ในขนมเทียนหรือข้าวหลาม ปัจจุบันเริ่มมีการดัดแปลงนำเมล็ดงาขี้ม้อนมาทำอาหารหลากหลายทั้งคุกกี้ ขนมปังธัญพืช หรือใช้แทนงาดำ
ข้อมูล คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 อินเตอร์
