A Cuisine วันนี้จะพาแฟนๆ ไปเยือนร้านอาหารอร่อยแบบสไตล์ยุโรปสมัยใหม่ ชื่อร้านก็เก๋ แถมบรรยากาศร้านก็น่านั่งอีกด้วย นั่นก็คือร้าน SALT // PEPPER (ซอลก์ // เปปเปอร์) สาขาเดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ จะมีเมนูอะไรน่าสนใจบ้างตามไปดูกันเลยค่ะ
มาเริ่มกันที่ชื่อร้านนี้กันก่อนเลยว่าทำไมถึงได้ชื่อว่า SALT // PEPPER (ซอลก์ // เปปเปอร์) แปลได้ว่าเป็น “เกลือ” กับ “พริกไทย” ซึ่งวัตถุดิบทั้งสองสิ่งนี้แตกต่างกันเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ และรสสัมผัสที่ยังไงก็ต่าง แต่ทั้งสองอย่างนี้เมื่อนำมาปรุงอาหารไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำให้รสชาติของอาหารนั้นดีรสกลมกล่อมอย่างลงตัว จะสังเกตได้ว่าวัตถุดิบ 2 ชนิดนี้เป็นส่วนผสมที่ต้องมีในอาหารสไตล์ตะวันตกเกือบทุกเมนูลองสังเกตกัน
เมื่อเดินเข้าไปภายในร้านคุณจะมีความรู้สัมผัสบรรยากาศสบายๆ ชิวๆ ด้วยการตกแต่งร้านนั้นเค้าตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น เพดานสูง โปร่งโล่ง สไตล์ Industrial ออกไปทางมืดๆ ในโทนสีเข้ม แต่จะมีกระจกสูงโปร่งรอบด้านเพื่อให้มีแสงส่องเข้ามาไม่ให้ดูมืดจนเกินไป เพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยโคมไฟที่สะท้อนถึงผลึกของเกลือเข้ากับชื่อร้านเลยทีเดียว เป็นการรวมตัวผสมผสานระหว่าง “ความคลาสสิก” ให้เข้ากับ “ความร่วมสมัย” ที่ดูเรียบหรูและไม่ดิบจนเกินไปลงตัวดีงามค่ะ และเพิ่มความอ่อนหวาน ร่มรื่นด้วยการนำเอาต้นไม้มาประดับภายในร้าน และแสงไฟสีส้มทำให้ดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้นด้วย
ส่วนเมนูอาหารของทางร้าน ซอลก์//เปปเปอร์ เป็นอาหารสไตล์ Western Casual Dining หรือ อาหารสไตล์ยุโรปสมัยใหม่ มาในคอนเซ็ปต์ที่สื่อถึงตัวตนของร้าน “แตกต่างที่เติมเต็ม” (Fulfill By The Difference) การเติมเต็มนี้ที่คุณจะได้รับเมื่อมารับประทานอาหารของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรสชาติอาหาร เครื่องดื่ม และอารมณ์ ความรู้สึกที่ดีที่ทางร้านได้มอบให้เกิดเป็นความประทับใจให้ลูกค้ากลับไป ถือว่าเป็นการเติมเต็มที่ลงตัวให้คุณได้สัมผัสเมื่อมาที่นี่
เมื่อเปิดเมนูคุณจะได้พบกับเมนูอาหารที่หลากหลายไม่ใช่แค่อาหารตะวันตก ยุโรป อเมริกัน ที่เกิดจากการรังสรรค์โดยเชฟมืออาชีพประสบการณ์กว่า 10 ปี ทางด้านอาหาร Western Dining โดยตรง ที่การันตีความอร่อยแบบต้นตำรับเท่านั้นนะ ยังมีอาหารแนวเอเชียให้ได้ลิ้มลองกันด้วย และแต่ละเมนูก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้ทั้งรสชาติที่จัดจ้าน ทั้งเผ็ด และเปรี้ยว แต่กลมกล่อมในคำเดียว มีให้ได้เลือกทั้งเมนูอาหารคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม ขอบอกว่าน่าทานทั้งนั้นเลยค่ะ รับรองอิ่ม อร่อยครบทุกรสชาติแบบ จุกๆ แน่นอนค่ะ
เริ่มหิวกันแล้วเราไปเริ่มกันที่เมนูแนะนำจานแรกกันเลยค่ะ เอาเป็นเมนูเบาๆ ก่อนเพื่อเรียกน้ำย่อยด้วย เมนูโรลข้าวไรซ์เบอร์รี่ลุยสวนแซ่บ (Minced Pork Veggies Rolls) ราคา 150 บาท จานนี้เต็มไปด้วยผักนานาชนิดที่ห่อเป็นคำๆ ทานง่าย สาวๆ ต้องชอบค่ะ เหมาะมากสำหรับคนที่กำลังหาเมนูอะไรที่ทานแล้วไม่หนักท้องจนเกินไป ทานกรุบกริบ แนะนำจานนี้เลย อร่อยแซ่บ ครบรส น้ำจิ้มก็มีรสชาติที่กลมกล่อม ไม่เผ็ดมาก เมื่อจิ้มคู่กับโรลผักหมูสับก็อร่อยเข้ากันดีค่ะ ส่วนผักที่ทางร้านนำมาใช้นั้น ทุกเมนูก็ถูกคัดเลือกมาอย่างดีจากฟาร์มที่ปลูกแบบอินทรีย์(ออแกนิค) ที่ได้มาตราฐานที่ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสารเคมีค่ะ เรียกว่าทานแล้วสุขภาพดีด้วย อร่อยด้วย ครบมากค่ะ
ยังคงอยู่ที่เมนูเรียกน้ำย่อยอีกหนึ่งเมนูนั่นก็คือ เมนูผักโขมอบชีส 3 ชนิด (ราคา 190 บาท) ถึงจะเป็นเมนูที่ร้านอาหารสไตล์ยุโรปต้องมี ที่นี่เค้าก็ไม่ธรรมดานะคะ เพราะเค้าอบชีสถึง 3 ชนิดเลยทีเดียว รสชาติละมุนกลมกล่อมอัดแน่นชีสเน้นๆ คนรักชีสต้องห้ามพลาดค่ะ
เมนูแนะนำต่อมาเป็นเมนูปลากันบ้างค่ะ แนะนำเป็นเมนู สเต๊กปลาแซลมอนกับซัลซ่าอะโวคาโดออร์แกนิค (ราคา 275 บาท) อย่างที่ได้บอกไปว่าผักที่นี่เค้าจะเน้นผักที่ปลูกแบบออร์แกนิค ก็จะได้รสชาติที่หวาน กรอบอร่อย เมื่อมาทำเป็นสลัดทานคู่กับปลาแซลมอนย่างให้หนังกรอบหน่อยๆ ราดด้วยซัลซ่าอะโวคาโดสูตรพิเศษของทางร้าน เมนูจานนี้ก็มีรสชาติที่อร่อยเข้ากันสุดๆ เลยค่ะ แถมไม่อ้วนด้วยนะ ย่อยง่าย ดีต่อสุขภาพจากผักนานาชนิดที่หลากหลายในเมนูนี้ดีต่อร่างกายแน่นอนค่ะ
เมนูถัดมาคือ เมนูสปาเก็ตตี้เบค่อนไข่ออนเซ็น (ราคา 230 บาท) จานนี้แอดมินมีความชอบมากค่ะ เพราะมันครบรสจริงสำหรับคนที่ชอบทานรสจัดจ้านอย่างแอด เมนูนี้คุณจะได้สัมผัสความรสชาติที่เข้มข้นด้วยพริกสด พริกแห้ง และพริกไทย ความเหนียวหนึบของเส้นสปาเก็ตตี้เมื่อทานคู่กับไข่ออนเซ็นรสละมุน ที่ผ่านการซูวีหรือตุ๋นด้วยอุณหภูมิ 62 องศาเซลเซียสโรยเบค่อนกรุบกรอบและชีส เมนูจานนี้ขอยกนิ้วให้ค่ะ เพราะมันอร่อยเข้ากันมากมีความจัดจ้านดีงามต้องลองค่ะ ความเผ็ดนิดๆนี้ทำให้ไม่เลี่ยนด้วยทานได้เรื่อยๆ จนหมดจานเลยทีเดียวค่ะ
มาถึงเมนูอร่อยที่มาที่นี่ต้องสั่ง (รู้สึกว่าจะต้องสั่งทุกเมนูจริงๆ ^^) ห้ามพลาด เมนู ซี่โครงหมูบาร์บีคิวชูวีส 48 ชั่วโมง (ราคา 550 บาท) เมนูนี้เป็นเมนูแนะนำเด็ดสุดของทางร้านที่ต้องผ่านการอบ หมัก ปรุงรสกว่า 48 ชั่วโมง จนได้เนื้อซี่โครงที่หอมและนุ่ม ล่อนจากกระดูกอย่างง่าย ด้วยเครื่องเทศสูตรลับถึง 13 ชนิดในการหมักเนื้อ จากนั้นนำมาย่างด้วยหินลาวาหอมๆ เสิร์ฟพร้อมผักสลัดออร์แกนิค มันว้าวมากค่ะ เวลาทานก็ฟินมากเช่นกัน เพราะรสชาติเข้าถึงเนื้อ มีความชุ่มช่ำ เข้มข้นดีงามแนะนำเลยอร่อย ทางร้านมีซอสให้เลือกถึง 4 แบบด้วยนะ อาทิ ซอสบาร์บีคิว ฮันนี่มัสตาร์ด ซอสมะเขือเทศ และ โควลอร์ ทานคู่กับ Curly Fried ก็อร่อยเข้ากัน
