กีวี
กีวี มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงในประเทศจีน มีชื่อเดิมว่า “Chinese gooseberry” ในเวลาต่อมาประเทศนิวซีแลนด์ได้นำมาปลูกและทำการปรับปรุงสายพันธุ์ใหม่ ทำให้มีรสชาติที่ดีมากขึ้น ส่งขายไปทั่วโลกจนกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Kiwi fruit” โดย ตั้งตามชื่อของนกกีวีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์นั่นเอง……..
🥝ลักษณะของผล กีวี🥝
✨“กีวี” มีลักษณะเป็นทรงกลมรีขนาดใหญ่คล้ายไข่ไก่ หรือจะว่าไปก็คล้ายกับผลละมุดเช่นกัน มีขนสีน้ำตาลปกคลุมทั่วทั้งผล เปลือกบางและเหนียว เนื้อภายในมีสีเขียวสด หรือบางสายพันธ์มีเนื้อเป็นสีเหลืองทอง เมล็ดสีดำรีปลายแหลมคล้ายกับเมล็ดงาดำ เนื้อสัมผัสนั้น นุ่ม ฉ่ำ มีรสเปรี้ยวอมหวาน และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
☝ประโยชน์ของ “กีวี”
💗ในเนื้อของกีวีอุดมไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี และวิตามินอี มีส่วนช่วยในการสร้างภูมิต้านทานโรค มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวหนังเต่งตึง ชุ่มชื้น ให้เส้นใยสูงจึงช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายได้ดี มากไปด้วยเกลือแร่ชนิดต่าง ๆ ช่วยในการแข็งตัวของเลือดได้ดี
💗กีวี เป็นผลไม้ที่มี “โอเมก้า 3” ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
💗เป็นผลไม้ที่เหมาะแก่ผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เพราะการรับประทาน กีวี นั้นช่วยทำให้อิ่มเร็ว มีแคลอรี่ต่ำ
🥝รับประทาน “กีวี” อย่างไรให้ปลอดภัย🥝
การรับประทานกีวีในปริมาณที่พอดีนั้นค่อนข้างจะปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ ควรคำนึงถึงปัจจัยสำคัญต่างๆ เช่น อายุ ปัญหาสุขภาพ หากเคยมีอาการแพ้หรือผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทาน หรือใช้ผลิตภัณฑ์จากกีวี
✨การเลือกซื้อ
👨🍳ควรเลือกกีวีที่มีรูปทรงไม่บิดเบี้ยว ไม่มีรอยซ้ำที่ผิวด้านนอก ส่วนการปอกเปลือกใช้มีดที่บางและคม ผ่าสี่ชิ้นตามยาว แล้วจึงหั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือหั่นเป็นชิ้นพอดีคำได้ตามชอบค่ะ
💘ผลไม้มากประโยชน์ขนาดนี้ ต้องหามาติดบ้านกันไว้บ้างแล้วค่ะ^^