ลภัสรดา ช่วยเกื้อ

เมื่อ “ละ” ได้ ใจก็สัมผัสสุข…เข็ม – ลภัสรดา ช่วยเกื้อ

เมื่อ “ละ” ได้ ใจก็สัมผัสสุข…เข็ม – ลภัสรดา ช่วยเกื้อ

“ถ้าชีวิตคนหนึ่งคนเปรียบเหมือนหนังสือหนึ่งเล่ม
ตอนจบของหนังสือเล่มนั้นจะสุขหรือเศร้า เราคือผู้ประพันธ์”
น่ี่คือหนึ่งในข้อความที่คุณ เข็ม – ลภัสรดา ช่วยเกื้อ โพสต์ลงเฟซบุ๊ก
ซึ่งเราเห็นว่าสะท้อนถึงชีวิตของเธอที่วันนี้เลือกประพันธ์ให้มีความสุข

ที่ผ่านมาเราอาจคุ้นตากับบทบาทการเป็นนักแสดงที่มักได้บทร้ายชนิดเชือดเฉือน หรือการเป็นนางแบบสุดเปรี้ยวและมั่นใจ หลายคนจึงประหลาดใจเมื่อได้เห็นภาพชีวิตที่เรียบง่ายและข้อความแฝงแง่คิดธรรมะในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของเธอ

“จริง ๆ เข็มหันมาสนใจธรรมะและเปลี่ยนมาใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่คนไม่ค่อยได้เห็นมุมนี้” เธอเริ่มต้นเล่าก่อนลงลึกถึงเรื่องราวการค้นหาชีวิต

ชีวิตในวันวาน

ตอนเด็ก ๆ เข็มค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่เป็นนักกีฬา เล่นกีฬาเกือบทุกอย่าง เวลาได้เล่นกีฬากับเพื่อน ๆ ก็สนุกสนานเฮฮาเหมือนกับเด็กวัยเดียวกัน แต่ถ้าอยู่ที่บ้าน อยู่ในกลุ่มญาติ เข็มมักเงียบและเก็บตัว คุณแม่จึงพยายามส่งเสริมให้ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ลองประกวดเวทีนั้นเวทีนี้ เราก็พยายามไปให้ตลอด

พอเป็นวัยรุ่น น้าจึงชวนให้ลองไปประกวดนางแบบ ในใจตอนนั้นก็ไม่ได้อยากไปนัก แต่ก็ยอมตามใจน้าและตกลงไปประกวด ครั้งนั้นเข็มตกรอบ แต่ พี่อุ๊บ – วิริยะ พาไปประกวดมิสมอเตอร์โชว์และได้รางวัลชนะเลิศ พี่หน่อง – อรุโณชา ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการส่งข่าวให้ อาจิ๋ม– มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช ว่าดูท่าทางเข็มน่าจะอยู่กับค่ายได้ อาจิ๋มจึงเรียกเข็มเข้าไปคุยและทดสอบการแสดง ตอนทดสอบเราเกร็งมาก แต่สุดท้ายก็ผ่าน อีกไม่กี่วันต่อมาอาจิ๋มก็พาไปตัดผม ซื้อเสื้อผ้า และดูแลอย่างดี อาจิ๋มเป็นผู้ใหญ่ที่เข็มเคารพรักมากที่สุดท่านหนึ่ง ท่านเข้าใจและให้กำลังใจเข็มมาตลอดจนถึงทุกวันนี้

เข็มเข้าวงการตั้งแต่อายุ 16 ตอนแรกก็ยังคงเป็นเด็กเงียบ ๆ เวลาไปทำงานก็นั่งอยู่คนเดียว ไม่ค่อยกล้าพูด เหมือนเราเข้าสังคมไม่เป็น ไม่รู้จะคุยอะไรดี และเป็นอย่างนี้หลายปี คนรอบข้างมักบอกว่า เราหน้าดุ ไม่ค่อยคุยกับใคร ซึ่งเข็มก็เป็นตัวเองแบบนี้มาตลอด แม้ไม่ใช่คนที่พูดคุยเยอะ แต่ตั้งใจทำงาน

พอเริ่มอยู่ในวงการนานหน่อย เราก็เริ่มดื้อ และขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กดื้อในบ้านของอาจิ๋ม ยอมรับว่าตอนนั้นเราแสบจริง ๆ อาจเป็นเพราะการเป็นดารานักแสดงเรามักถูกสปอยล์ได้ง่าย เช่น บทต้องมาถึงมือ เสื้อผ้าไม่สวยไม่ใส่ ทำให้หลงระเริงไปกับสิ่งเหล่านี้ ใครทำอะไรไม่ถูกใจก็อาละวาดและสร้างวีรกรรมไม่ดีไว้ค่อนข้างเยอะ ไม่เว้นแม้แต่กับนักข่าว

หลายครั้งที่เข็มเห็นปาปารัซซี่แอบถ่ายรูปในเวลาส่วนตัว เข็มจะเดินตามเข้าไปถามเอาเรื่องเขาเลยว่า “พี่ถ่ายอะไร จะลบหรือไม่ลบ” เวลานั้นเข็มไม่ได้คิดว่าเมื่อเรามีอาชีพนี้ความเป็นส่วนตัวบางอย่างต้องถูกตีแผ่ออกไป เวลาที่ไม่ชอบอะไร เราจะซัดเลย เป็นคนตรงมาก ไม่ยอมให้ใครทำในสิ่งที่เราคิดว่าไม่ถูกต้อง จึงมีข่าวไม่ค่อยดีเป็นส่วนใหญ่ คนที่ไม่รู้จักก็มองว่าเราเป็นคนแรง ๆ ก็ต้องยอมรับว่าตอนนั้นก็แรงจริง ๆ และอารมณ์ยังร้อนมากด้วย

โชคดีมากที่ขนาดทำนิสัยไม่ดีแบบนี้ แต่ผู้ใหญ่ก็ยังให้งานอยู่เรื่อย ๆ พี่นักข่าวก็ไม่ได้แบนเรา ส่วนหนึ่งอาจเพราะทำงานด้วยกันมานาน จนเริ่มรู้ว่าเข็มเป็นคนแบบไหน เข็มจึงมีงานในวงการเรื่อยมาทั้งในบทบาทของนักแสดงและนางแบบซึ่งเป็นงานที่รักทั้งคู่

จุดเปลี่ยนจากการเห็นทุกข์ของคนอื่น

ตั้งแต่เข้าวงการเข็มรับงานไม่เคยพักมาเป็นเวลานานจนวันหนึ่งรู้สึกเบื่อ หมดความสนุก เหมือนกับคนที่ทำงานเดิมซ้ำ ๆ จนรู้สึกจำเจ จึงหยุดรับงานทุกอย่างในวันที่กำลังพีคที่สุด แล้วก็ไปเที่ยวเล่นเป็นเวลา 2 ปีโดยไม่สนใจงานใด ๆ ทั้งสิ้น

สองปีที่หายไปนั้น เข็มเที่ยวเล่นจริง ๆ ในหนึ่งสัปดาห์ต้องมีเที่ยวสักห้าวัน ทั้งไปต่างจังหวัด ต่างประเทศ และไปสังสรรค์กับเพื่อน กระหน่ำช็อปปิ้ง ซื้อของแบรนด์เนมเป็นว่าเล่น เชื่อไหมคะว่าสองปีนั้นเงินเก็บหายไปเป็นหลักล้านและยังเสียรายได้ไปอีกเยอะมากเช่นกัน

เข็มสนุกกับการใช้ชีวิตอย่างนั้น จนมีช่วงหนึ่งโทร.ไปหาเพื่อนคนไหน เพื่อนก็บอกว่า ไม่ว่าง ทำงานอยู่ หรือไม่ก็พรุ่งนี้มีงาน ทุกคนพูดแบบนี้จนเรารู้สึกว่า ทุกคนทำงาน แล้วเราทำอะไรอยู่

จังหวะนั้นมีพี่คนหนึ่งชวนไปวัด เข็มว่างอยู่จึงไปกับเขา พอไปถึงที่วัดก็ได้เข้าไปนั่งฟังพระอาจารย์ตอบปัญหาญาติโยม คนหนึ่งผัวมีเมียน้อย อีกคนก็บ้านจะโดนยึด อีกคนป่วย อีกคนมีปัญหาเรื่องค้าขาย ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนมีแต่ความทุกข์ พอฟังแล้วก็คิดได้ว่า ชีวิตเราดีมากเลยนะ แล้วที่ผ่านมาเราทำอะไรอยู่

เมื่อพระอาจารย์ชวนให้เข็มหาเวลามาปฏิบัติที่วัด เข็มก็ไม่ลังเล รีบกลับไปเก็บของมาปฏิบัติธรรมที่วัดเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะก่อนหน้านี้เข็มเคยแต่ใส่บาตรตอนเช้าและเข้าวัดทำบุญไหว้พระ แต่ไม่เคยปฏิบัติเสียที

ครั้งนั้นเข็มมาอยู่ที่วัด 3 คืน ปักกลดนอนเสื่ออยู่ที่ลานจอดรถของวัด สวดมนต์ทั้งวันทั้งคืน เพราะต้องสวดอิติปิโสฯให้ครบ 108 จบ กว่าจะครบใช้เวลาเกือบสองวัน แต่ระหว่างที่ปากสวดท่องนั้น ใจกลับไม่ได้อยู่กับบทสวดเลย สักแต่ว่าท่องให้จบ เพราะทั้งเหนื่อยและขี้เกียจมาก

กลับจากวัดครั้งนั้น เข็มเริ่มสนใจพุทธศาสนามากขึ้น แต่เป็นความสนใจที่ไปเน้นเรื่องการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ไม่ว่ามีงานไกลแค่ไหนก็ไป ช่วงนั้นเน้นเรื่องนี้หนักมาก จนอยู่ดี ๆ วันหนึ่งไม่รู้เพราะอะไร เข็มนึกอยากลองไปอยู่วัดเงียบ ๆ คนเดียว จึงไปที่เชียงใหม่ ไปปฏิบัติรักษาศีล 8 คนเดียวที่วัดป่าดาราภิรมย์

เวลานั้นเข็มสัมผัสได้ถึงความสงบ จึงเข้าไปกราบพระอาจารย์ บอกท่านว่าอยากฟังพระอาจารย์สอนเรื่องการปฏิบัติ แต่ท่านแนะนำว่า “โยมลองปฏิบัติเองดู โยมทำได้ และทำได้ดีด้วย”

เข็มรักษาศีล 8 ปิดวาจาอยู่ที่วัดสามวันสองคืน ได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง ได้ทบทวนว่าที่ผ่านมาตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง ได้มองตัวเองโดยไม่ไปยุ่งกับคนอื่น ยิ่งได้ปิดวาจาก็เท่ากับไม่ไปต่อกรรมกับใคร หากใครพูดไม่ดีเราก็ไม่ตอบกลับ ทุกอย่างให้จบที่เรา เมื่อถอดรองเท้าเดินก็ให้รู้ว่าเท้าสัมผัสอะไรอยู่ แม้ต้องเหยียบย่ำลงไปในน้ำสกปรกหรือโคลน ก็ให้รู้ว่าแค่เป็นน้ำ ไม่นำมาปรุงต่อ

สามวันสองคืนที่อยู่ที่นี่ เข็มได้สัมผัสกับความสงบที่แท้จริง และรู้แน่ว่านี่คือทางของเรา

ลภัสรดา ช่วยเกื้อ

ชีวิตที่เบาลง

หลังจากกลับมาจากวัดครั้งนั้นรู้สึกได้เลยว่าตัวเองเปลี่ยนไป พูดน้อยลง มีสติมากขึ้น เวลาอารมณ์โกรธเกิดขึ้น สติจะมาเร็วมาก ทำให้เรารู้ตัวและดับอารมณ์นั้นได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างในชีวิตก็เบาลง

เข็มเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ส่วนมากจากการอ่านหนังสือ ฟังธรรมะจากยูทูบ ได้รู้แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา และนำหลักธรรมคำสอนมาปฏิบัติในชีวิต ได้เข้าใจว่าทุกอย่างไม่มีตัวตน ทำให้เข็มเริ่ม “ละ” และสละหลายอย่างในชีวิตไปทีละน้อย

จากที่เคยใช้ของแบรนด์เนมหัวจรดเท้าก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้เสื้อผ้าธรรมดา เพราะรู้แล้วว่าที่ผ่านมาเราไปยึดติดกับมัน เราไปปรุงว่ามันสวย มันแพง แต่พอเราไม่ยึดติด และรู้ว่าเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เรามีไว้เพื่อใช้ทำอะไร เราใช้ของธรรมดาก็ได้ แต่ละครั้งที่จะซื้อของ เข็มชั่งใจเสมอว่าจำเป็นหรือแค่ต้องการ เพราะทุกสิ่งในชีวิตที่มีควรมาจากความจำเป็นเท่านั้น การใช้ชีวิตและการแต่งตัวของเข็มจึงเปลี่ยนไป เน้นความเรียบง่าย ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย

แต่การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ทำให้เข็มต้องเหนื่อยมากในช่วงแรก เพราะเมื่อยังต้องทำงานในวงการเหมือนเดิม การแยกให้ชัดระหว่างชีวิตในจอกับนอกจอไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีความคาดหวังจากสังคมอยู่มาก พอเป็นชีวิตจริงที่เราเริ่มสละทุกอย่าง อยู่กับความเรียบง่ายธรรมดา แต่งตัวธรรมดา ๆ ในแบบที่เราพอใจออกไปนอกบ้าน ก็มักเจอกับสายตาที่คอยมองสำรวจวัตถุบนตัวอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เข็มอึดอัดมากเหมือนกัน

ที่ผ่านมาเข็มศึกษาและปฏิบัติตามหลักคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสมอ สองปีมานี้เข็มเป็นตัวของตัวเองเต็มที่ มีความสุขที่เป็นแบบนี้ ใครจะมองก็มองไป ใครจะปรุงก็ปรุงไป เราไม่รับ เราไม่ทุกข์ เพราะตอนแรกคนมักมองว่าเข็มสร้างภาพหรือเปล่า หรือมีบางคนบอกว่า เข้าวัดขนาดนี้ ทำไมยังดื่มเหล้าอยู่ล่ะ เข็มก็รู้สึกว่า บางทีก็เป็นเพียงการสังสรรค์ บางคนละได้ถือว่าดี แม้เรายังมีดื่มบ้างแต่รู้ตัวว่าดื่มน้อยลงไปมาก เข็มคิดว่ามันก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเอง

เข็มเข้าใจนะที่คนมองว่าเราสร้างภาพหรือแกล้งเป็นคนดี เพราะเราเคยไม่ดีมากมาก่อน แล้วมาได้ขนาดนี้คนคงจะงง เราจึงต้องใช้ความเพียรอย่างมาก จนวันหนึ่งคนก็รู้ว่าเราเป็นแบบนี้จริง ๆ เข็มดีใจที่คนได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเราที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้กันนัก

เข็มคุยกับแม่บ่อย ๆ ว่า “แม่ หนูอารมณ์เบาลงไหม หนูดีใจมากเลยนะที่มาได้ขนาดนี้” แม่ก็ดีใจด้วย และสัมผัสได้ว่าเราเปลี่ยนไป

ก่อนหน้านี้เข็มไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อแม่อย่างเต็มที่ แต่7 ปีที่ผ่านมาเข็มได้กลับมาอยู่กับท่าน เป็นการอยู่ด้วยกันและดูแลความรู้สึกของท่านมากกว่าเดิม เมื่อก่อนเราให้ท่านแค่เงิน แต่ความรู้สึกตกหล่นไป พออยู่ใกล้พระพุทธศาสนาเราจะรู้เองว่าหน้าที่ที่ลูกควรทำคืออะไร แทนที่จะเอาเวลาออกไปข้างนอก ไปอยู่กับเพื่อน เราก็อยู่บ้านดีกว่า หาอะไรทำที่บ้าน เอาความสุขมาไว้ที่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน พ่อแม่ก็มีความสุข จนหลัง ๆ แม่แอบพูดว่า “ลูก ลูกปล่อยแม่บ้างก็ได้นะ” (หัวเราะ)

วางแผนไปใช้ชีวิตเรียบง่ายที่เชียงใหม่

ความคิดที่จะย้ายไปใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่เชียงใหม่เริ่มมาจากที่ได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา ทำให้รู้สึกว่าอยาก “ละ” เพราะทุกอย่างไม่มีตัวตน เราใช้ชีวิตมาเยอะ ผ่านการแข่งขันในชีวิตมาแล้ว แต่ท้ายที่สุดชีวิตก็ไม่มีอะไรเป็นของเรา จึงอยากละชีวิตเดิม และเลือกไปใช้ชีวิตเรียบง่าย มีอาชีพที่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องดูแลตัวเองได้ที่นั่น

เข็มมองหาที่ไว้สักไร่สองไร่ ตั้งใจเปิดเป็นโฮสเทลเล็ก ๆ 3 – 4 ห้อง ให้เข็มดูแลได้เอง ไม่เป็นภาระตัวเอง แล้วก็จะปลูกผักสวนครัว เอาไว้กินและพอเหลือขายได้บ้าง และตั้งใจว่าจะเรียนทำขนมอย่างจริงจังเพื่อเปิดบ้านให้เด็ก ๆ มาเรียนวันเสาร์อาทิตย์ และอยากมีร้านเล็ก ๆ ที่รวบรวมของกินของฝากทำมือ

ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปในปีนี้ แต่มีถ่ายละคร ก็ทำงานปัจจุบันตรงหน้าให้ดีก่อน วางแผนไว้ว่าเร็วที่สุดคงเป็นปีหน้า เพราะตอนนี้ก็อายุ 36 แล้ว อยากย้ายไปก่อนอายุ 40 ถ้าไปหลังจากนี้อาจไม่มีพลังมากพอที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่วางแผนไว้ แต่ทั้งนี้งานในวงการก็ยังทำอยู่ ไม่ทิ้งไปไหน เพราะเป็นอาชีพที่เข็มรักและสร้างให้เรามีวันนี้ เข็มมีทุกอย่างเพราะคุณผู้ชม ถ้าผู้ชมอยากดูเราเล่นละครอยู่ก็จะเล่นละครต่อไป

ลภัสรดา ช่วยเกื้อ

“ละ” ได้ ใจก็เป็นสุข

เมื่อศึกษาธรรมมาเรื่อย ๆ เข็มจึงเข้าใจและมองทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าเราไม่รับสิ่งที่มากระทบ สิ่งเหล่านั้นก็ทำอะไรเราไม่ได้ การที่เราเกิดมานั้น แม้ร่างกายก็ยังไม่ใช่ของเรา แล้วจะไปยึดติดกับคนและสิ่งต่าง ๆ ทำไม เราควรอยู่กับตัวเองให้เยอะ ดีกว่าไปมองคนอื่น ถ้ามองตัวเองเยอะ ๆ ความสุขจะเกิดขึ้นที่ตัวเราเอง

ทุกวันนี้เข็มก็ยังเป็นคนธรรมดาที่ยังมีความรู้สึกโลภ โกรธ หลง แต่มีสติเร็วขึ้น ทำให้ดับความรู้สึกพวกนี้ได้เร็ว และอะไรที่ไม่ใช่เรื่องของเรา เราก็ปล่อยวาง ไม่เก็บมาคิดไม่เก็บมาทุกข์ พอละและวาง เราก็มีความสุขขึ้นมาทันที เรียกว่าธรรมะและศีลธรรมเข้ามาอยู่ในการดำเนินชีวิตทุกอย่าง ทำให้เข็มสัมผัสได้ถึงความสุขที่อิ่มใจ ไม่เหมือนสุขที่เคยฟุ้งหรือปรุงขึ้นมาเอง

เข็มขอบคุณตัวตนในอดีตเสมอ เราต้องขอบคุณเขานะ เพราะถ้าไม่มีเขา เราคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เราก็ยังใช้ชีวิตเสเพลไปเรื่อย ๆ ถ้าเขาคนนั้นไม่ได้ใช้ชีวิตสุดโต่งในทุกเรื่องให้เราได้เห็น เข็มคิดว่าตัวเองได้มาเจอธรรมะเร็วนะ ได้เจอตั้งแต่อายุ 29 ในขณะที่ชีวิตอยู่ท่ามกลางสีสันมากมาย และได้เจอโดยเราไม่ได้มีทุกข์หนัก หรือสูญเสียคนที่รักไปก่อน แต่เราเห็นความทุกข์ของคนอื่นสะท้อนมามองตัวเอง ทำให้ได้รู้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน ทุกวันนี้จึงมีแต่คำว่าขอบคุณกับตัวตนที่เราเคยเป็น และขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต

ความสุขในชีวิตวันนี้คือ การเพียรใช้หลักศีลธรรมในการประคองชีวิต เมื่อถึงเวลาทำงานก็ออกไปทำงานตรงหน้าอย่างเต็มที่และทำให้ดีที่สุด พอกลับมาบ้านก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายที่สุด ตื่นเช้ามาก็ได้ทำอาหารไปใส่บาตร มีเวลาก็นั่งนิ่ง ๆ ดูใจไป ฟังธรรมะ อ่านหนังสือ มีข้อคิดที่ตกผลึกได้ก็โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ช่วงนี้กำลังพยายามอ่านพระไตรปิฎก เพราะอยากศึกษาแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา อ่านเพื่อให้ได้รู้ สามเดือนมานี้เพิ่งอ่านไปได้สามร้อยกว่าหน้า เพราะต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจ

เข็มเชื่อว่าชีวิตของเรามีความสุขได้ง่าย ๆ แค่ลอง “ละ” สิ่งต่าง ๆ ออกไป ละที่จะไปมีความสุขข้างนอก ละที่จะไปรับความสขุ จากคนอื่น ละแม้กระทั่งทรัพย์สินที่มีติดตัวอยู่มากมาย

เพียงลอง “ละ” บางอย่างในชีวิตดูบ้าง แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงความสุขเช่นกัน

เมื่อชีวิตมันธรรมดา
ก็จงใช้ให้เป็นธรรมดา
การดิ้นรนแสวงหาไม่ใช่คำตอบ
ที่ถูกต้องนักบนหลักศีลธรรม
— ลภัสรดา ช่วยเกื้อ

 

ที่มา : นิตยสาร Secret  ฉบับที่ 233

เรื่อง : เชิญพร คงมา

ภาพ : สรยุทธ พุ่มภักดี

Secret Magazine (Thailand)


 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.