ผม

ผม… ของใคร?!

ผม… ของใคร?! –  เรื่องหลอนแรงของสาวที่คิดต่อผม

ฉันเป็นคนชอบไว้ผมสั้นมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเพื่อนหลายคนทักว่าทำไมไม่เปลี่ยนทรง ผม เสียบ้าง จึงตัดสินใจจะต่อผมตามสมัยนิยมกับเขาเสียหน่อย แต่ใครจะรู้ล่ะว่า การเข้าร้านทำผมครั้งนี้จะเกิดเรื่องหลอกหลอนจนยากจะลืมได้ลง

ฉันตัดสินใจเลือกต่อผมที่ร้านแห่งหนึ่งย่านศูนย์การค้าชื่อดัง หลังจากเก็บข้อมูลมาพอสมควรจนมั่นใจว่าร้านนี้ราคาถูกที่สุด และที่สำคัญ งานยังเรียบร้อย สวยเนี้ยบไม่แพ้ร้านราคาแพง ๆ หลังเลิกงานวันหนึ่งฉันก็รีบตรงดิ่งไปทันที

หลังจากยืนเลือกความยาวของเส้นผมอยู่นาน ฉันก็สะดุดตาเข้ากับผมดำขลับช่อหนึ่ง จึงตัดสินใจซื้อในเวลาอันรวดเร็ว เจ้าของร้านก็ใจดีคิดราคาเหมา พร้อมตัดแต่งทรงผมให้เสร็จสรรพในราคาเพียงหนึ่งพันห้าร้อยบาท แน่นอนว่าฉันตอบตกลงทันที

เวลาล่วงผ่านจนท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นมืดสนิท ในที่สุดช่างก็ต่อผมให้ฉันเสร็จเรียบร้อย ฉันยืนสะบัดผม หมุนซ้ายที ขวาที พร้อมกับชื่นชมฝีมือช่างไปด้วย กว่าจะได้ออกจากร้าน เวลาก็ล่วงผ่านไปจนสองทุ่ม ฉันจึงตัดสินใจขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน

ระหว่างทางฉันรู้สึกว่าแท็กซี่แอบมองฉันผ่านกระจกมองหลังบ่อยครั้ง ฉันจึงรีบพิมพ์เลขทะเบียนรถแล้วส่งข้อความไปบอกแม่เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น แต่ในที่สุดฉันทนสายตานั้นไม่ไหว จึงแกล้งทำใจดีสู้เสือถามไปว่า “พี่มีอะไรหรือเปล่า เห็นมองหน้าหนูหลายทีแล้ว” คนขับหลบสายตาแล้วตอบว่า “เปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากแนะนำให้น้องไปทำบุญบ้าง” ฉันเริ่มระแวง คิดในใจวา่ “ไอ้คนนี้จะมาไม้ไหนเนี่ย!” แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ รถก็ถึงหน้าบ้านพอดี ก่อนลงจากรถคนขับยังกำชับให้ฉันไปทำบุญอีกครั้ง…“เอ หน้าตาเราเหมือนคนบุญน้อยนักรึไง” ฉันอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ

พอถึงบ้าน แม่ชมฉันยกใหญ่ว่าผมทรงนี้ดูสวยรับกับหน้าฉันมาก ในขณะที่พ่อไม่ค่อยชอบใจและบอกว่า “ผมใครก็ไม่รู้ ระวังเถอะ เขาจะตามมาทวงคืน” ฉันจึงเถียงกลับไปทันทีว่า “ใคร ๆ เขาก็ต่อผมกันทั้งนั้นแหละพ่อ ป่านนี้ไม่โดนตามทวงจนหัวโกร๋นกันไปหมดแล้วเหรอ พ่อกลัวลูกสาวมีหนุ่มมาจีบก็บอกมาเถอะ” พ่อหัวเราะ ไม่พูดอะไรต่อ หลังกินข้าวเย็นเสร็จฉันรีบขอตัวเข้านอนเพราะรู้สึกเวียนศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย

พออาบน้ำเสร็จฉันก็เข้านอนทันที ขณะกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้น ฉันรู้สึกเหมือนมีคนยืนจ้องมองอยู่ตรงปลายเท้า ฉันคิดว่าเป็นแม่จึงลุกขึ้นมาดู แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นหมอกสีดำจาง ๆ เคลื่อนไปมา ข้างหลังหมอกมีเงาผู้หญิงกำลังยืนสางผมตัวเองเล่น ฉันสะดุ้งโหยง รีบล้มตัวลงนอนพร้อมกับหลับตาปี๋ ยกมือขึ้นท่วมหัวแล้วสวดมนต์เสียงสั่น ตอนนั้นจำได้แค่เพียง “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต”…อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย พรุ่งนี้จะใส่บาตรไปให้ ฉันสวดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น เพราะนึกบทสวดอื่นไม่ออกจริง ๆ

ในที่สุดฉันก็ผล็อยหลับไป มาตื่นขึ้นอีกทีตอนเช้าในท่าที่ยังนอนพนมมืออยู่ ใจหนึ่งรู้สึกกลัวไม่หาย แต่อีกใจก็คิดว่าผีไม่มีจริงหรอก ยุคนี้แล้ว ผีเผอมีที่ไหนกัน แต่พอลุกจากเตียงเท่านั้น ฉันก็ตกใจจนตาค้าง ขนลุกซู่ไปหมด เพราะผมต่อของฉันร่วงกระจัดกระจายอยู่เต็มที่นอน ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่ใช่คนนอนดิ้นเลยสักนิด สงสัยว่าสิ่งที่ฉันเห็นเมื่อคืนคงไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างที่คิดเสียแล้ว…

เช้าวันนั้นฉันตัดสินใจลางานครึ่งวัน ชวนพ่อกับแม่ไปทำบุญ พร้อมทั้งตั้งจิตกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณในความฝันดวงนั้น แล้วรีบตรงดิ่งเข้าร้านทำผม ตัดผมที่เพิ่งต่อมาทิ้ง พร้อมกับเปลี่ยนทรงผมใหม่ทันที โดยไม่รู้สึกเสียดายเงินที่เพิ่งเสียไปเลย ระหว่างนั้นฉันโทร.กลับไปถามเจ้าของร้านต่อผมตามนามบัตรที่เขาให้ไว้ เขาบอกว่าผมทั้งหมดเป็นผมจริงที่ซื้อมาจากชาวเวียดนาม แต่ต้นตอของผมมาจากไหนเขาไม่ทราบ

ฉันตัดสินใจไม่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟังเพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไร หลังวางหูโทรศัพท์ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเข็ดขยาดกับการเสริมสวยไปอีกนาน…

 

ที่มา  นิตยสาร Secret

เรื่อง  ล้นหลาม

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.