มามูดู กัสซามา (Mamoudou Gassama) คือชายหนุ่มใจกล้า ที่ปีนตึกด้วยมือเปล่าขึ้นไปช่วยเด็กน้อยที่กำลังห้อยต่องแต่งอยู่ที่ระเบียงชั้นสี่โดยไม่ลังเล
เรื่องมีอยู่ว่า เด็กชายวัย 4 ขวบคนนี้ เพิ่งย้ายจากเกาะเรอูนียง มาอยู่กับพ่อในกรุงปารีส โดยแม่และน้องจะตามมาทีหลัง ในวันเกิดเหตุพ่อของเด็กชายออกไปซื้อของ ทิ้งลูกไว้ในห้องพักชั้น 6 คนเดียว ปรากฏว่า หนูน้อยซึ่งสวมชุดสไปเดอร์แมนก็ออกมาเล่นที่ระเบียงแล้วพลัดตกจากระเบียง แต่คว้าระเบียงชั้นสี่เอาไว้ได้ หนูน้อยจึงห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น
คู่สามีภรรยาที่อยู่ห้องตรงนั้น รีบออกมาช่วย แต่หนูน้อยห้อยเกาะอยู่ตรงระเบียงห้องข้าง ๆ ซึ่งมีผนังกั้นระเบียงอยู่ ตัวสามีจึงทำได้เพียงยื่นมือไปจับมือดึงไว้เท่านั้น แต่ทำอะไรมากกว่านี้ได้ไม่ถนัด ฝูงชนที่อยู่ข้างล่างส่งเสียงตื่นตกใจอย่างเสียวไส้ ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ชายหลายคนพยายามปีนข้ามกำแพง เพื่อหาทางขึ้นไปช่วย
ในเวลานั้นเป็นบ่ายวันเสาร์ มามูดูกำลังเดินจากสถานีรถไฟ Gare du Nord เพื่อกลับบ้าน เขาเดินข้ามถนนมายังฝูงชนที่กำลังแตกตื่น และพากันแหงนดูเด็กชายห้อยต่องแต่งอยู่ชั้นสี่ชวนหวาดเสียว
เมื่อเห็นดังนั้น มามูดูก็รีบปืนขึ้นระเบียงตึกไปทีละชั้น ๆ อย่างรวดเร็วราวกับมืออาชีพ เขาไม่มีทีท่าลังเลหรือหยุดคิดสักวินาทีเดียว ท่ามกลางเสียงฮือฮาอื้ออึง จนกระทั่งถึงชั้นสี่ มามูดูก็คว้าตัวเด็กน้อยมาจากมือของชายเจ้าของห้องตรงนั้น ฝูงชนที่ลุ้นสุดตัวอยู่ด้านล่างพากันปรบมือร้องตะโกนอย่างชื่นชมดังก้องถนน
เพียงเสี้ยววินาทีที่มามูดูตัดสินใจปืนตึกขึ้นไปอย่างไม่คิดชีวิต นั่นคือจุดหักเหที่ทำให้ชีวิตของมามูดูเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
หลังจากคลิปปีนตึกของมามูดูแพร่ออกไปจนเป็นไวรัลแบบไม่ทันข้ามคืน เขาก็กลายเป็นคนสำคัญที่สื่อต่างแห่แหนมาทำข่าวเพื่อยกย่องคุณความดีของเขา ทำให้เขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว
เมื่อถูกนักข่าวถามว่า ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ มามูดูตอบว่า ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้คิดว่าตึกมีกี่ชั้น ไม่ได้คิดว่าเสี่ยง ที่ทำไปก็เพราะเห็นว่ามีเด็กกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาแค่เป็นห่วงเด็ก
มามูดู วัย 23 ปี เขาอพยพมาจากมาลิ ประเทศในทวีปแอฟริกาตั้งแต่ปี 2013 รอนแรมข้ามทะเลทรายซาฮาร่าผ่านประเทศบูร์กินาฟาโซ ไนเจอร์ และลิบย่า ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังอิตาลี ครั้งแรกไม่สำเร็จเพราะตำรวจมาดักในทะเล มาสำเร็จครั้งที่สองในปี 2014
ชีวิตที่ผ่านมาของมามูดูนั้นสุดแสนลำเค็ญ เขาเคยทำงานอยู่ในลิบยาเป็นปี ซึ่งที่นั่นผู้อพยพมักถูกรังแกและใช้งานราวกับทาส มามูดูถูกทารุณทุบตีต่าง ๆ นานา แต่เขาไม่เคยสิ้นหวังกับชีวิต
มามูดูเดินทางมายังฝรั่งเศสเพราะเขาไม่รู้จักใครในอิตาลี และพี่ชายของเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในฝรั่งเศสมาหลายปีแล้ว ในกรุงปารีสมามูดูทำงานก่อสร้างแบบรับค่าจ้างเป็นเงินสด และอาศัยอยู่ในโฮสเตลย่านชานเมืองมอนทริอิล ซึ่งเป็นชุมชนที่มีชาวมาลิอาศัยอยู่มาก โดยแชร์ห้องพักกับญาติ ๆ และนอนบนพื้นห้อง มามูดูไม่ได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัย เขาจึงอยู่ในฝรั่งเศสอย่างผิดกฎหมาย
ความฝันของมามูดูคือดำเนินรอยตามเพื่อนร่วมชาติที่มาสร้างชีวิตใหม่ในกรุงปารีส ตอนนี้คุณความดีของเขาทำให้ชีวิตของชายหนุ่มซึ่งลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รัฐบาลได้ทำเรื่องเปลี่ยนสัญชาติเป็นชาวฝรั่งเศสให้มามูดูอย่างรวดเร็วเป็นกรณีพิเศษ และยังได้เข้าพบ ท่านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งได้ขอบคุณและพูดคุยกับเขาอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นยังได้รับเกียรติบัตรเชิดชูความดีและเหรียญกล้าหาญอีกด้วย แถมยังได้รับการบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอย่างเต็มภาคภูมิ
นอกจากนั้นนายกเทศมนตรีของกรุงปารีสยังบอกด้วยว่า จะช่วยสนับสนุนมามูดูให้ได้สร้างชีวิตใหม่ที่นี่ ซึ่งมามูดูไม่นึกฝันเลยว่า ชีวิตของเขาจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างรวดเร็ว
คุณความดีของเขาทำให้ฝันกลายเป็นจริงในที่สุด ตอนนี้มามูดูกลายเป็นขวัญใจของประเทศไปแล้ว
เรียบเรียง ชนาฉัตร
ภาพ thelocal.fr, standard.co.uk, nypost.com, boredpanda