ลางบอกเหตุและ สาเหตุการตายของเทวดา ในพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตที่มีกุศลจิตก่อนตายจะได้เกิดเป็นเทวดา พุทธศาสนาเล่าถึงอานิสงส์แห่งบุญที่ส่งผลให้เกิดเป็นเทวดาไว้มากมาย กลายเป็นคัมภีร์ที่รวบรวมเรื่องราวการสร้างบุญของเทวดาไว้ชื่อว่า “วิมานวัตถุ” คราวนี้ลองมาดูเรื่องการสิ้นบุญของเทวดากันบ้างดีกว่าว่า พระพุทธศาสนากล่าวถึง สาเหตุการตายของเทวดา ไว้อย่างไรบ้าง
สาเหตุการตายของเทวดาบนสวรรค์
ในปาฏิกสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยเรื่องเจ้าลิจฉวีนามว่า “สุนักขัตตะ” ทูลถามพระพุทธเจ้าถึงภพหน้าของเดียรถีย์ที่มีชื่อว่า “ปาฏิกบุตร” พระพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงสาเหตุการจุติ หรือ การตายของเทวดาไว้ 2 ประการด้วยกัน นอกจาการตายเพราะอายุขัยและผลบุญที่ทำมา
0
1. เพลิดเพลินจนหลงลืม
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เทวดาบางจำพวกหมกมุ่นอยู่กับความรื่นรมย์ หัวเราะและเล่นหัวกันจนเลยเวลา อาจสรุปได้ว่า เล่นกันสนุกสนานจนไม่ได้พักผ่อน ไม่สนใจเวลาว่าจะผ่านล่วงเลยไปแล้วกี่วัน อารมณ์คล้ายเด็กที่เล่นติดลมจนไม่รู้วันและเวลา พอถึงวันที่สิ้นอายุขัยจึงด่วนสิ้นบุญไปโดยไม่ทันสะสมบุญบารมี
0
2. คิดมุ่งร้ายต่อกัน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เทวดาบางจำพวกเอาแต่คิดมุ่งร้ายต่อกันจนเกินควร เมื่อเป็นอย่างนี้มากเข้า จึงพลอยทำให้ลำบากกายและใจไปด้วย ส่งผลให้สิ้นบุญจากสวรรค์ไป
สังเกตได้ว่าสาเหตุการตายทั้ง 2 ประการนี้ส่งผลให้เทวดาสิ้นบุญจากการกระทำที่สุดโต่งคือ หลงสนุกจนไม่รู้วันและเวลา และคิดมุ่งร้ายต่อกันจนทุกข์กายและใจ จะเห็นว่าการที่เทวดาสิ้นบุมีเหตุปัจจัยมาจากการขาดสติคือ หลงใหลไปกับทิพยสมบัติและความสุขบนสวรรค์มากจนเกินไป และคิดมุ่งร้ายจนทำให้ตนเองหาความสุขไม่ได้ หากเทวดามีสติและอยู่บนความพอดี ทำให้สิ่งที่พึ่งได้ทำเพื่อสร้างบุญกุศลตอนเป็นเทวดาสูญเปล่าไป
ลางบอกเหตุการตายของเทวดา
นอกจากสาเหตุการตายแล้วยังมีเรื่องลางบอกเหตุ ซึ่งเป็นสัญญาเตือนให้เทวดารู้ว่า อีกไม่นานจะถึงวันสิ้นบุญจากสวรรค์แล้ว ในจวมานสูตรกล่าวถึงนิมิตหรือลางบอกเหตุการตายนี้มีอยู่ 5 ประการด้วยกัน
1. ดอกไม้ทิพย์ที่เป็นเครื่องประดับเหี่ยวแห้ง
อรรถกถาอธิบายลักษณะของดอกไม้ทิพย์ที่เหี่ยวแห้งไว้ว่า ประดุจดอกไม้สดที่ถูกโยนลงบนพื้นท่ามกลางแสงแดดยามเที่ยงวัน ความร้อนของแสงแดดได้ทำร้ายความสวยสดของดอกไม้ไปสิ้น
2. ผ้าทรงสีเศร้าหมอง
อรรถกถาอธิบายลักษณะของผ้าทรงสีเศร้าหมองว่า จากเครื่องทรงสีดุจดวงอาทิตย์ที่กำลังทอแสงบนท้องฟ้า กลายเป็นสีจาง ไม่แวววาว เหมือนถูกโยนลงไปขยำกับโคลนตม
3. มีเหงื่อไหลออกจากรักแร้
อรรถกถาอธิบายไว้ว่า ร่างกายของเทวดาโดยปกติจะไม่มีคราบเหงื่อไคล กายงามเหมือนดวงแก้วที่ใส หรือมีผิวพรรณเหมือนทองคำอร่าม พอใกล้สิ้นบุญเม็ดเหงื่อจะปรากฏทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพียงแต่รักแร้เท่านั้น ทำให้ร่างกายของเทวดาเหมือนมีมุขประดับประดา
4. ร่างกายและรัศมีเศร้าหมอง
อรรถกถากล่าวว่าเดิมทีเทวดาจะมีรัศมีสว่างไสวจนมองไม่เห็นผิวพรรณเดิม แต่พอจะสิ้นบุญ รัศมีก็มัวหมองลง และเผยร่างที่อาจจะอัปลักษณ์ให้เห็น
5. ไม่ยินดีในทิพยอาสน์
เทวดาจะเกิดความเบื่อหน่ายการบำเรอของเทพบริวาร รู้สึกว่าฟังเพลงก็ไม่ไพเราะ ชมรำแล้วก็ไม่รื่นเริง
ลางบอกเหตุนี้ไม่มีเทวดาองค์ใดหนีพ้น แม้กระทั่งพระสันตดุสิตเทพบุตร อดีตพระชาติของเจ้าชายสิทธัตถะ ก่อนที่พระโพธิสัตว์จะเสด็จลงมาอุบัติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ได้บังเกิดเป็นเทพบุตรนามว่า “สันตดุสิตเทพบุตร” บนสวรรค์ชั้นดุสิตมาก่อน ตอนใกล้ถึงวาระจะเสด็จลงมาสถิตในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา นิมิตเหล่านี้ก็ได้เกิดขึ้นกับพระองค์เช่นกัน หรือพระนางผุสดี พระมเหสีของพระอินทร์ก่อนที่อุบัติเป็นพระนางผุสดี พระมารดาของพระเวสสันดร ก็ได้บังเกิดนิมิตมีรัศมีลดลงจนผิดสังเกต ทำให้พระอินทร์ทราบว่าพระมเหสีกำลังจะหมดบุญและให้พระนางขอ 10 ประการก่อนที่จะสิ้นบุญจากสวรรค์ไป
ที่มา :
www.84000.org/อรรถกถาจวมานสูตร
ภาพ : https://pixabay.com
บทความน่าสนใจ เทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เทวดาที่อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์ที่สุด ที่เราควรรู้จัก พระพุทธเจ้ากับบัลลังก์ทั้ง 3 พระองค์คือผู้ครอง บัลลังก์แห่งเทวดา พรหม และพระอริยะ เจอ เทวดา ประสบการณ์จากการเดินธุดงค์ พระมาลัยสนทนากับเทวดา : ผลบุญที่ทำให้เกิดเป็นเทวดาใน พระมาลัยคำหลวง มัฏฐกุณฑลี ผู้ไปเกิดเป็นเทวดา เพราะมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระเนมิราช พระราชาผู้ท่องนรก-สวรรค์ เรื่องเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากเมืองสวรรค์ในพระพุทธศาสนา พระเถระท่องสวรรค์เยือน วิมานของเทวดา ไม่ทำบุญ ทำไมพุทธทาสภิกขุถึงปฏิเสธนรก-สวรรค์และการเวียนว่ายตายเกิด