ชมพู่ – ภัทราวรรณ พานิชชา กับการมองตามความเป็นจริงด้วยไตรลักษณ์

สิ่งที่ได้จากการเป็นพิธีกรรายการ 7 สีช่วยชาวบ้าน   

“ การได้เป็นพิธีกรรายการ 7 สีช่วยชาวบ้าน ทำให้เราได้เรียนรู้ว่ายังมีคนที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่อีกมาก เราอยู่ที่กรุงเทพฯอาจไม่ได้เห็นภาพแบบนี้ ซึ่งยังมีอยู่อีกมากตามต่างจังหวัด เช่น ปัญหาถนนหนทางเป็นถนนลูกรัง ปัญหาเรื่องน้ำกินน้ำใช้ บางที่เปิดน้ำประปาออกมาเป็นสีดำ หรือบางที่ไม่มีไฟฟ้าใช้มา 10-20 ปีแล้ว ทำให้สัมผัสได้ถึงความไม่เท่าเทียมกันของคนในสังคม ”

ไม่ยอมหยุดนิ่งที่จะพัฒนาศักยภาพตนเอง

“ นอกจากการเป็นพิธีกรรายการ 7 สีช่วยชาวบ้าน ซึ่งเป็นงานที่ชมพู่รักแล้ว ชมพู่ยังทำงานประจำเป็นนักวิเคราะห์กลยุทธ์และนโยบายความยั่งยืน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งไม่ใช่งานที่ตรงกับสาขาที่จบมา และยังเป็นน้องเล็กที่สุดในทีมอีกด้วย ต้องเรียนรู้งานจากพี่ ๆ ที่เชียวชาญ เราก็ต้องพยายามเป็นเท่าตัว เพื่อที่จะสามารถช่วยงานพี่ ๆ ได้ทุกอย่าง

“ การอ่านข่าว 7 สีช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นงานที่รัก เพราะชมพู่ชอบเป็นพิธีกรมาตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษา และอ่านข่าวมาแล้วถึง 4 ปี แต่ก็ยังอยากพัฒนาการอ่านข่าวให้ดีขึ้นไปอีก เช่น การจำคำโปรยให้ได้ เพื่อที่จะได้อ่านได้เป็นธรรมชาติ ชมพู่จะดูรายการที่ตนเองอ่านข่าวเสมอ เพื่อสังเกตว่าเราต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง ตอนแรกยอมรับว่าไม่ยอมดูรายการที่ตัวเองอ่านข่าวเลยเพราะเขิน แต่เนื่องจากอยากฝึกฝนและหาจุดอ่อนของตัวเอง จึงจำเป็นต้องดู ปรากฏว่าเทปแรก ๆ จะแข็งเหมือนต้นไม้ เมื่อสังเกตตัวเองมากขึ้น ก็สามารถพัฒนาจุดอ่อนได้ และโชคดีที่มีพิธีกรคู่หูอย่างคุณจอย – จีรนันท์ เขตพงศ์ เป็นเสมือนพี่และครูที่คอยชี้แนะชมพู่ในการอ่านข่าว ”

สิ่งที่ชมพู่คาดหวัง           

“ ในทุกวันนี้คนพิการยังเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของสังคมได้ยาก ชมพู่เข้าใจว่าเป็นเรื่องของโครงสร้าง ซึ่งเรื่องนี้เราก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินตัวเราไปหรือเปล่า อย่างเช่น ถนนหนทาง ฟุตปาธ  เวลาที่ชมพู่ขับรถผ่านแล้วเห็นคนเข็นวีลแชร์บนถนนแทนที่จะเข็นบนฟุตปาธ แต่เข็นไม่ได้อาจเพราะไม่มีทางลาด หรือมีสิ่งกีดขวางอื่นๆ ทำให้ เราก็รู้สึกว่าคนที่มีอำนาจรับผิดชอบเรื่องนี้เคยมองเห็นตรงจุดนี้หรือไม่ว่ามีคนที่ลำบากอยู่แบบนี้ แล้วปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร

คลิกเลข 4 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป >>>