ย้อนกลับไปในสมัยนั้น ร้านสตาร์บัคส์ไม่ได้ขายเครื่องดื่ม ขายแค่เมล็ดกาแฟและกาแฟบดเท่านั้น เขาจึงออกจากสตาร์บัคส์แล้วตั้งบริษัทกาแฟของตัวเองชื่อว่า อิลจอร์นาเล และเปิดบาร์เอสเพรสโซ่สองแห่งในซีแอตเทิล และอีกหนึ่งแห่งในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
จากนั้น ในปี 1987 เขาพบว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่จะซื้อร้าน 6 สาขาและโรงงานคั่วกาแฟจากบริษัทที่เคยทำงานมาก่อน แต่ก็มีเงินไม่มากพอ ทว่าด้วยการสนับสนุนจากนักลงทุน 2-3 ราย จึงได้ควบรวมสองบริษัท แล้วเลือกที่จะเก็บบริษัทสตาร์บัคส์คอฟฟี่เอาไว้ เมื่อถึงปลายปีนั้น เขาก็มีร้านถึง 11 สาขากับพนักงานอีกหนึ่งร้อยคน พร้อมกับหนึ่งความฝันที่จะสร้างแบรนด์นี้ให้ไปไกลระดับชาติ
ในปี 2010 สตาร์บัคส์เพิ่งประกาศว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานดีที่สุดในประวัติศาสตร์เกือบ 40 ปี แม้ก่อนหน้านี้นักวิจารณ์ทั้งหลายจะคาดการณ์ว่า เขาได้ผ่านวันที่ดีที่สุดไปแล้ว แต่กิจการของสตาร์บัคส์ไม่เคยมั่นคงแข็งแรงขนาดนี้ กำไรที่เติบโตขึ้นไม่เพียงมาจากการเปิดสาขาใหม่ทั่วโลก แต่ยังมาจากสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับลูกค้า ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ใหม่ ๆ และมีสถานที่ขายผลิตภัณฑ์ของสตาร์บัคส์เพิ่มมากขึ้น ทุกวันนี้สตาร์บัคส์มีรายได้ปีละมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และให้บริการแก่ผู้มาเยือนสัปดาห์ละเกือบ 60 ล้านคนในกว่า 16,000 สาขา ใน 54 ประเทศ ผู้คนมากกว่าสองแสนคนซึ่งเขาเรียกว่า “พาร์ทเนอร์” หรือพนักงานของเราคือ “ตัวแทนของสตาร์บัคส์”
ที่มา ถอยไปข้างหน้า ONWARD โดย โฮวาร์ด ชูลท์ส และ โจแอน กอร์ดอน
บทความน่าสนใจ
ดเวย์น เจ. คลาร์ก เด็กล้างจาน ผู้กลายเป็น ซีอีโอ บริษัทที่มีรายได้ปีละ 180 ล้านดอลลาร์
ลี คุน-ฮี แห่งซัมซุง: ไม่มีคำว่า “เป็นไปไม่ได้” สำหรับซีอีโอ คิดบวก
วอร์เรน บัฟเฟตต์ อัคร มหาเศรษฐีตัวจริง
เผยภาพ ชายทุ่ง ร้านกาแฟสมเด็จพระเทพฯ
ชีวิตดั่งกาแฟรสเลิศ บทความช่วยให้มีชีวิตที่ดี จาก นายแพทย์ชวโรจน์ เกียรติกำพล