ผลจากการไม่รักษาศีล ที่ปรากฏได้ในชาติปัจจุบัน
ซีเคร็ตเคยนำเสนอเรื่องอานิสงส์แห่งการรักษาศีลมาบ้างแล้ว อยากชวนทุกท่านมารู้จักกับ ผลจากการไม่รักษาศีล ที่จะปรากฏในชาติปัจจุบันกันบ้างค่ะ
ในพาลบัณฑิตสูตร พระอานนท์ได้ฟังมาจากพระพุทธองค์แล้วเล่าว่า สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี สมัยนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ” ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลักษณะเครื่องหมายเครื่องอ้างว่าเป็นพาลของคนพาลนี้มี 3 อย่าง สามอย่างเป็นไฉน
” ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลในโลกนี้มักคิดความคิดที่ชั่ว มักพูดคำพูดที่ชั่ว มักทำการทำที่ชั่ว ถ้าคนพาลจักไม่เป็นผู้คิดความคิดที่ชั่ว พูดคำพูดที่ชั่ว และทำการทำที่ชั่ว
” บัณฑิตพวกไหนจะพึงรู้จักเขาได้ว่า ผู้นี้เป็นคนพาล เป็นอสัตบุรุษ เพราะคนพาลมักคิดความคิดที่ชั่ว มักพูดคำพูดที่ชั่ว และมักทำการทำที่ชั่ว ฉะนั้น พวกบัณฑิตจึงรู้ได้ว่านี้เป็นคนพาล เป็นอสัตบุรุษ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นแลย่อมเสวยทุกข์โทมนัส 3 อย่างในปัจจุบัน ”
รู้สึกถึงความชั่วที่มีอยู่ในตน
ทุกข์ประการแรกที่คนพาลจะได้รับในบัจจุบันชาตินั้น พระพุทธองค์ตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าคนพาลนั่งในสภาก็ดี ริมถนนก็ดี ริมทางสามแพร่งก็ดี ชนในที่นั้น ๆ จะพูดถ้อยคำที่พอเหมาะสมแก่เขา ถ้าคนพาลมักเป็นผู้ทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง มักถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ มักประพฤติผิดในกาม มักพูดเท็จ มีปกติตั้งอยู่ในความประมาทเพราะดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย ในเรื่องที่ชนพูดถ้อยคำที่พอเหมาะพอสมแก่เขานั้นแล
” คนพาลจะมีความรู้สึกอย่างนี้ ว่าปกติเหล่านั้นมีอยู่ในเรา และเราก็ปรากฏในปกติเหล่นั้นด้วย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลย่อมเสวยทุกข์โทมนัสข้อที่หนึ่ง
ดังนี้แลในปัจจุบัน ”
ได้รับโทษทัณฑ์
พระพุทธองค์ตรัสถึงการเสวยทุกข์ในปัจจุบันผ่านการลงทัณฑ์เพราะการทำชั่วไว้ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก คนพาลเห็นพระราชาทั้งหลายจับโจรผู้ประพฤติผิดมาแล้วสั่งลงกรรมกรณ์ชนิดต่าง ๆ เช่น โบยด้วยแส้ โบยด้วยหวาย ตีด้วยตะบองสั้น ตัดมือ ตัดเท้า ตัดทั้งมือทั้งเท้า ตัดหู ตัดจมูก ตัดทั้งหูทั้งจมูก…ราดด้วยน้ำมันเดือด ๆ ให้สุนัขทึ้ง ให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ ตัดศีรษะด้วยดาบ
” ในขณะที่เห็นนั้น คนพาลจะมีความรู้สึอย่งนี้ว่า เพราะเหตุแห่งกรรมชั่วปานใดแล พระราชาทั้งหลายจึงจับโจรผู้ประพฤติผิดมาแล้วสั่งลงกรรมกรณ์บางชนิด คือโบยด้วยแส้บ้าง ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ก็ปกติเหล่านั้นมีอยู่ในเรา และเราก็ปรากฏในปกติเหล่านั้นด้วย ถ้าแม้พระราชาทั้งหลายรู้จักเราก็จะจับเราแล้วสั่งลงกรรมกรณ์ชนิดต่าง ๆ คือโบยด้วยแส้บ้าง… ให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลย่อมเสวยทุกข์โทมนัสข้อที่สอง ดังนี้แลในปัจจุบัน ”
เดือดร้อนกังวลใจในความชั่วที่ทำไปแล้ว และความดีที่ยังไม่ได้ทำ
จากนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสถึงโทษจากการทำชั่วในระดับที่เป็นความรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจว่า ” ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก กรรมลามกที่คนพาลทำไว้ในก่อน คือกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ย่อมปกคลุมครอบงำคนพาลผู้อยู่บนตั่งหรือบนเตียง หรือนอนบนพื้นดินในสมัยนั้น เปรียบเหมือนเงายอดภูเขใหญ่ย่อมปกคลุมครอบงำแผ่นดิน ในสมัยเวลาเย็นฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล กรรมลามกที่คนพาลทำไว้ในก่อน คือกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ย่อมปกคลุมครอบงำคนพาลผู้อยู่บนตั่งหรือบนเตียง หรือนอนบนพื้นดินในสมัยนั้น
” ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสมัยนั้นคนพาลจะมีความรู้สึกอย่างนี้ว่า เราไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ทำกุศล ไม่ได้ทำเครื่องป้องกันความหวาดกลัวไว้ ทำแต่ความชั่ว ทำแต่ความร้าย ทำแต่ความเลว ละโลกนี้ไปแล้วจะไปสู่สุคติของคนที่ไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ทำกุศล ไม่ได้ทำเครื่องเป็นกำหนด คนพาลนั้นย่อมเศร้าโศก ลำบากใจ คร่ำครวญ ร่ำไห้ ทุบอก ถึงความหลงพร้อม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลย่อมเสวยทุกข์โทมนัสข้อที่สามดังนี้แลในปัจจุบัน ” ฃ
ที่มา : ทาน ศีล ภาวนาในพระไตรปิฎก โดย พรชัย เจริญดำรงเกียรติ
ภาพ : www.pexels.com
บทความน่าสนใจ
ศีล ข้อ 6 7 8 สำคัญอย่างไร ทำไมต้องรักษา?
Dhamma Daily : ถือศีลวันพระ ได้บุญกุศลมากกว่าวันธรรมดา จริงหรือไม่?
Q: ทำไมศีลข้อห้าจึงถือว่าเป็นศีลข้อที่ร้ายแรงที่สุดล่ะครับ