เรื่องราวของ พระนเรศวร ตำนานแห่งเอกราช
อุรารานร้าวแยก ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบ สังเวช
วายชีวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
คำโคลงจากวรรณคดีเรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย บทนี้คงทำให้หลายคนนึกถึงพระแสงของ้าวที่สมเด็จ พระนเรศวร ทรงเงื้อง่าปลิดพระชนมชีพของพระมหาอุปราชาในการทำสงครามยุทธหัตถีเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน ชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรนอกจากจะหมายถึงเอกราชของกรุงศรีอยุธยาแล้ว สมเด็จพระนเรศวรมหาราชยังทรงได้รับการถวายพระเกียรติว่าทรงเป็นระมหากษัตริย์ผู้สร้างตำนานแห่ง “เอกราช” มาจนถึงทุกวันนี้
แม้ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ พระองค์ดำ จะเจริญพระชันษาขึ้นในยามที่กรุงศรีอยุธยาตกเป็นรองกรุงหงสาวดี เมื่อถูกพระเจ้าบุเรงนองขอตัวไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม พระองค์ดำจึงจำใจขึ้นหลังม้าจากลาดินแดนอยุธยาอันเป็นที่รักในขณะที่พระองค์มีพระชันษาเพียง 8 พรรษาเท่านั้น
สมเด็จพระนเรศวรทรงอดทนใช้ชีวิตอยู่ที่หงสาวดีเป็นเวลาหลายปี สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชซึ่งเป็นพระราชบิดาจึงมีพระราชสาส์นขอตัวสมเด็จพระนเรศวรกลับมาช่วยราชการที่กรุงศรีอยุธยา การกลับอยุธยาของสมเด็จพระนเรศวรในครั้งนั้นมีข้อแลกเปลี่ยนคือ พระพี่นางสุพรรณกัลยาต้องยอมเป็นพระชายาของพระเจ้าบุเรงนองอยู่ที่กรุงหงสาวดี
สมเด็จพระนเรศวรทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยาให้ฟื้นจากพิษสงคราม ปราบศึกน้อยใหญ่ที่โจมตีกรุงศรีอยุธยาอย่างองอาจห้าวหาญ เกียรติยศทางการยุทธ์ของพระองค์เลื่องลือกำจรกำจาย ชาวประชาที่เคยแตกฉานซ่านเซ็นหนีภัยสงครามต่างกลับคืนบ้านเกิดเมืองนอน การ “กลับบ้าน” ของสมเด็จพระนเรศวรครั้งนั้นจึงหมายถึงการคืนชีวิตให้ดินแดนอยุธยาที่เคยรกร้างเพราะศึกสงคราม
แต่ข่าวความเป็นปึกแผ่นของกรุงศรีอยุธยากลับทำให้พระเจ้านันทบุเรงซึ่งขึ้นครองเมืองต่อจากพระเจ้าบุเรงนองคิดวางแผนกำจัดสมเด็จพระนเรศวร เมื่อพระองค์ทรงทราบ ไมตรีระหว่างกรุงศรีอยุธยาและหงสาวดีจึงขาดสะบั้นลง สมเด็จพระนเรศวรตัดสินพระทัยยกทัพไปยังหงสาวดีเพื่อพาชาวอยุธยาหนีทหารพม่ากลับคืนกรุงศรีอยุธยา
ขณะที่ทรงม้าข้ามแม่น้ำสะโตงอันกว้างใหญ่เกินกว่าวิถีของกระสุน พระองค์กลับทรงยิงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตงปลิดชีพแม่ทัพชาวพม่าล้มแดดิ้นลง บรรดาทหารพลรบต่างตื่นตะลึงต่อกฤดาภินิหารครั้งนั้น ในขณะที่สมเด็จพระนเรศวรเองก็ทรงรับรู้สัญญาณแห่งความเป็นไทจากพระแสงปืนกระบอกนั้นด้วยเช่นกัน
แสนยานุภาพของสมเด็จพระนเรศวรทำให้พระเจ้านันทบุเรงเร่งจัดพลครั้งใหญ่มาปราบกรุงศรีอยุธยา โดยมีมังกะยอชวาผู้เป็นพระมหาอุปราชาเป็นผู้นำในการศึกครั้งนั้น พระยาไชยานุภาพช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรเกิดตกมันและวิ่งเข้าไปอยู่ในวงล้อมของข้าศึก
อาจเป็นด้วยความที่สมเด็จพระนเรศวรเคยทรงฝึกเจริญวิปัสสนากรรมฐานจากพระมหาเถรคันฉ่องมาอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้พระองค์ทรงมีกำลังพระสติที่ว่องไวและทรงมีจิตใจที่หนักแน่น แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์คับขันหมิ่นเหม่จะถูกระดมยิงได้ทุกเมื่อ สมเด็จพระนเรศวรก็มิได้ทรงหวาดกลัว พระองค์ยังคงหยัดยืนต้านศึกด้วยพระสติ และตัดสินพระทัยประกาศท้าพระมหาอุปราชาเพื่อทำยุทธหัตถี ซึ่งนอกจากจะเป็นการตัดสินแพ้ชนะอย่างชายชาติทหารแล้ว ยังถือเป็นพระเกียรติยศที่จะได้ฝากไว้บนผืนแผ่นดินอีกด้วย
รางวัลแห่งชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรในการสงครามยุทธหัตถีในวันนั้น ก็คือผืนแผ่นดินที่คนไทยเราได้อยู่อาศัย
แม้ว่า “สงครามยุทธหัตถี” จะล่วงเลยไปสักกี่ร้อยกี่พันปี แต่แบบอย่างของ “ความเสียสละ ความกล้าหาญ และความจงรักภักดี” ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีต่อชาติบ้านเมืองยังคงมีคุณค่าและความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อหัวใจของคนไทยเสมอ
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง อิสระพร บวรเกิด
บทความน่าสนใจ
ตามรอยพ่อ ณ โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ
เปิดตํานาน “พระเจ้าตนหลวง” พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนา
ชวนไปส่องภาพจิตรกรรมโบราณสมัยอยุธยาตอนปลายที่ วัดไชยทิศ
“บุโรพุทโธแห่งสยามประเทศ” วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) จังหวัดร้อยเอ็ด
ศาลาธรรม ศาลาแห่งความสงบ เน้นความเรียบง่าย ในจังหวัดปทุมธานี
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก วัดแห่งมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙
สักการะพระปางอัฏฐมีบูชา วัดอินทาราม สันติสถานแห่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
สุจริตธรรม (ธรรมแห่งการประพฤติดี) คือหนทางแห่งความสุขที่แท้จริง