เกิดปัญญา

ปฏิบัติธรรมอย่างไรให้ เกิดปัญญา

” ปฏิบัติธรรมอย่างไรให้ เกิดปัญญา ”

ทำไม…คนไปปฏิบัติธรรมยังขี้โกรธเหมือนเดิม แถมบางคนโกรธแรงกว่าเดิม

ทำไม…คนปฏิบัติธรรมมาตั้งนานยังจู้จี้ขี้บ่นเหมือนเดิม ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมาเลย

ทำไม…หัวหน้าผมยิ่งไปปฏิบัติธรรมยิ่งมีอัตตา นิสัยเลวร้ายกว่าเดิมจนลูกน้องเอือมระอา ปฏิบัติธรรมช่วยได้จริงหรือ

ทำไม…เดี๋ยวก็ไปอยู่วัด เดี๋ยวก็ไปถือศีล แต่เห็นยังโลภเหมือนเดิม ชอบนินทาเหมือนเดิม

คำสอนของพระพุทธองค์ 84,000 พระธรรมขันธ์มีจุดมุ่งหมายเดียวกันทั้งหมด คือ เพื่อความดับทุกข์ ถ้าคนคนหนึ่งบอกว่าศึกษาและปฏิบัติธรรมมานานหลายสิบปี และยังคงปฏิบัติอยู่ทุกวันอย่างเคร่งครัดไม่เคยขาด แต่ยังดูถูกคนยังมีปัญหากับลูกกับผัวอยู่แทบทุกวัน คนคนนั้นสมควรต้องกลับมานั่งทบทวนดูแล้วว่า…การปฏิบัติธรรมที่ผ่านมานั้นผิดพลาดที่ตรงไหน

การปฏิบัติธรรมก็เหมือนการเรียนรู้ในสาขาวิชาอื่นๆ เหมือนการท่องสูตรคูณนั่นแหละ สูตรคูณไม่ได้มีไว้เพื่อท่องอย่างเดียว แต่ต้องเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ด้วยการปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ แต่เมื่อชีวิตต้องประสบความทุกข์ กลับเอาตัวไม่รอด ไม่สามารถพาใจของตนออกจากทุกข์ได้ แถมยังหาเรื่องทุกข์มาใส่ใจอีก…แบบนี้ต้องหยุด!  แล้วทบทวน…อย่าตะบี้ตะบันดันทุรังทำไปให้เสียเวลา

ส่วนใหญ่แล้วทบทวนเองไม่ค่อยได้เรื่องหรอก เพราะมักจะตกลงไปในร่องความคิดเดิมๆ ในที่สุดก็ปฏิบัติแบบเดิมๆ จึงขึ้นจากปลักไม่ได้เสียที แนะนำให้ปรึกษาผู้รู้การปฏิบัติธรรมต้องมีครูบาอาจารย์แนะนำสั่งสอนและที่สำคัญ อย่าติดรูปแบบ อย่ายึดติดแนวทางจนเกินไป ถ้าทางนี้ไม่ได้ผลก็ต้องเปลี่ยน

ในเบื้องต้นของการปฏิบัติธรรม เราจำเป็นต้องมีรูปแบบหรือแนวทางการปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติไปเรื่อยๆ เราต้องรู้จักสังเกต  รู้จักพิจารณาใคร่ครวญ ทบทวนการปฏิบัติของเราว่าได้อะไรบ้างจากการปฏิบัติธรรม กิเลสตัวไหนลดลงไปบ้าง เวลาจะโกรธรู้ตัวเร็วขึ้นบ้างไหม อย่างนี้เป็นต้น มิใช่ว่าเอาแต่หลับหูหลับตาทำตามเขาว่า พอใครถามว่าไปปฏิบัติธรรมมาเป็นอย่างไรบ้าง ก็ตอบว่าก็ดี ก็ดีน่ะมันดีอย่างไร การปฏิบัติธรรมคือการลงมือทำตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องอะไร…ท่านสอนเรื่องนิพพาน สอนเรื่องความพ้นทุกข์

ความทุกข์ของมนุษย์เกิดจากอะไร…เกิดจากความคิดปรุงแต่ง เกิดจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน ความคิดปรุงแต่ง กิเลสตัณหา อุปาทาน เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม…นามธรรม

นามธรรมต้องใช้อะไรในการเรียนรู้ขัดเกลา ใช้สิ่ว ใช้ตะไบ กระดาษทรายได้ไหม…ไม่ได้

นามธรรมต้องใช้นามธรรมในการเรียนรู้และพัฒนา…แล้วเราจะใช้นามธรรมอะไร

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปัญญาเท่านั้นที่ประหารกิเลสได้…เราต้องใช้นามธรรมที่ชื่อว่าปัญญาเท่านั้นในการขัดเกลาจิตใจ ต้องเป็นภาวนามยปัญญาที่เกิดขึ้นจากการพิจารณาใคร่ครวญจนเห็นความจริงของธรรมชาติ เห็นธรรมชาติของจิตว่าเป็นอย่างไร เห็นธรรมชาติของกิเลสว่าทำงานอย่างไร เห็นธรรมชาติของสัญญา สังขารว่าทำงานอย่างไร ทั้งหลายทั้งปวงนี้เราสามารถเห็นได้ด้วยญาณทัศนะ คือ การมองเข้ามาที่จิต ศึกษาอาการของจิต ซึ่งต้องใช้ทั้งสติ สมาธิ และปัญญาในการใคร่ครวญ สังเกต ทดสอบทดลอง ที่เรียกว่าปฏิบัตินอกกรอบบ้าง

การปฏิบัติธรรมตามรูปแบบก็เหมือนเรากำลังเดินข้ามสะพานไม้ไผ่ แรกๆ ต้องเกาะราวสะพานไปก่อน แต่เมื่อเดินไปนานๆ เราต้องลองปล่อยมือจากราวสะพานดูบ้างอย่ากลัวผิด ปล่อยทุกอย่างไปตามธรรมชาติบ้าง หัดฟังเสียงหัวใจตัวเองบ้าง ครูบาอาจารย์ท่านจึงบอกไว้ว่า ทำไปเรื่อยๆ แล้วเราจะรู้เองว่าเราควรทำอะไรต่อไป

ปัญหามันอยู่ที่ว่ารู้แล้วไม่กล้าทำ อย่ากลัว ผิดก็เริ่มใหม่ ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ไหม!

 

Secret BOX

“ที่ควรคิดไม่คิดใคร่ครวญ

จึงต้องคร่ำครวญเพราะไม่ควรคิด”

 

เรื่อง ครูหนุ่ยงามจิต  มุทะธากุล


บทความที่น่าสนใจ

สุขทุกวัน 7 วัน 7 กูรู ตอน นำปฏิบัติธรรมและแผ่เมตตา โดยพระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ

ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร ตอบข้อสงสัยโดย พระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ

ปัญญาและสติ หลักในการใช้ชีวิตของสาวสตรอง คารีสา สปริงเก็ตต์

ดร.ปัญญา แซ่ลิ้ม จากเด็กเรียนหนังสือไม่เก่งของห้องสู่การเป็นเด็กนักเรียนทุนอานันทมหิดล

นางขุชชุตตรา หญิงค่อมผู้เรืองปัญญา เอตทัคคะผู้เป็นเลิศในทางสดับตรับฟัง

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.