ชัยชนะที่เหนือกว่า “ ยอดเขาเอเวอเรสต์ ” ของอีริก ไวเฮนเมเยอร์
เกือบหนึ่งศตวรรษมาแล้วที่ผู้คนต่างชาติต่างภาษาต่างมุ่งหน้ามายังประเทศเนปาล พร้อม “ความฝันและความหวัง” เพื่อจะพิชิต “ยอดเขาเอเวอเรสต์” ให้ได้
0
หากมองเผิน ๆ อีริก ไวเฮนเมเยอร์ (Erik Weihenmayer) ชายในชุดปีนภูเขาน้ําแข็งสีสดที่กําลังง่วนอยู่กับการรัดสายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ให้กระชับหน้าอก ก่อนจะสํารวจอุปกรณ์ประจําตัวด้วยความคล่องแคล่วนั้น…ดูไม่แตกต่างจากนักปีนเขาคนอื่น ๆ แม้แต่น้อยเว้นเพียงแต่อีริกคนนี้ไม่สามารถตอบได้ว่า
0
“สีสันบนท้องฟ้าหรือหน้าตาของบั๊ดดี้คู่ใจเป็นอย่างไร…ก็เท่านั้นเอง”
0
เขาได้ยินเพียงแต่เสียงหวีดหวิวของลม สัมผัสได้แต่มวลอากาศหนาวจัดที่แทรกตัวผ่านชุดปีนเขาหนาหนักเข้ามาอย่างไม่ปราณี รวมทั้งน้ําเสียงที่เปี่ยมด้วยมิตรภาพของชายวัยกลางคน…บั๊ดดี้ของเขาตลอดทริปนี้เท่านั้น!
0
อีริกสูญเสียการมองเห็นตั้งแต่อายุได้เพียง 13 ปี หลังจากป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรมร้ายแรง ความที่ไม่ต้องการเป็น “ตัวประหลาด” ในสายตาใครอีริกจึงปฏิเสธที่จะใช้ไม้เท้า หรือแม้กระทั่งการเรียนอักษรเบรลล์ แต่หลังจากใช้ชีวิตแบบสะเปะสะปะอยู่สักพัก อีริกก็เริ่มยอมรับความจริงได้พร้อมกับเปิดใจรับความช่วยเหลือจากคนรอบข้างและพยายามปรับตัวทุกวิถีทาง
0
ใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรียนหนังสือ กินอาหาร หรือแม้กระทั่งกิจกรรมที่ดูน่ากลัวที่สุดสําหรับคนตาบอดอย่าง “กีฬา” แต่สําหรับอีริกแล้วกีฬาดูจะเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุดถึงขั้น “คลั่งไคล้” ก็ว่าได้โดยเฉพาะ “มวยปล้ํา” ซึ่งเขาเล่นได้ดีถึงขั้นเป็นแชมป์ระดับมัธยมศึกษามาแล้ว และกีฬาเอกซ์ตรีม (Extreme) สารพัดประเภท เช่น ปีนผาจําลอง ปีนภูเขาหิน ปีนภูเขาน้ําแข็ง สกี ขี่จักรยาน ดิ่งพสุธา ฯลฯ
0
“ผมไม่เคยปล่อยให้การมองไม่เห็นเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องใช้ทุกนาทีให้มีค่าที่สุด เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่สําคัญ ผมอยากพิสูจน์ศักยภาพตัวเองว่าผมจะทําอะไรได้แค่ไหน”
0
จากพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในแต่ละทวีปมาแล้วถึง 4 ลูก อีริกก็บอกตัวเองว่าถึงเวลาที่เขาจะไปเยือนเอเวอเรสต์แล้ว ทว่าการไปในครั้งนี้เขาไม่ได้แบกแค่เพียงกระเป๋าเป้สะพายหลังเท่านั้น หากแต่ยังแบกความหวังของคนตาบอดทั่วโลกขึ้นไป ด้วย…ดังนั้นทุกก้าวย่างต่อจากนี้ของอีริกจึงมีความหมายอย่างที่สุด
0
จากอีริกจะต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการจับฟังเสียงกระดิ่งของบั๊ดดี้ที่เดินอยู่ข้างหน้า เสียงเตือนบอกทิศทางต่าง ๆ พร้อมกับใช้ไม้เท้าที่ทําขึ้นเป็นพิเศษในการช่วยหยั่งความอ่อน – แข็งของหิมะก่อนจะก้าวออกไปทีละก้าว ๆ แล้ว ชายหนุ่มยังต้องเผชิญกับอาการขาดน้ําอย่างรุนแรง การหายใจที่ยากลําบากเนื่องจากออกซิเจนจะเบาบางลงไปเรื่อย ๆ ตามระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น และยังมีความหนาวเย็นที่ระดับติดลบมากกว่า 30 องศาเซลเซียสอีกด้วย
0
ในที่สุดหลังจากที่วางแผนการเดินทางมากว่า 2 ปี และใช้เวลาในการเดินทางราว 2 เดือน อีริกก็กลายเป็นคนตาบอดคนแรกของโลกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สําเร็จ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2001 และเป็นหนึ่งในจํานวน 1,491 คนจากทั่วโลก
0
สําหรับอีริกแล้ว การได้ขึ้นไปยืนบนจุดที่สูงที่สุดของโลก แม้จะเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตการผจญภัยตลอด เกือบ 20 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ใช่ว่าจะหาประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมนี้ไม่ได้บนพื้นราบ
0
“ขอเพียงคุณกล้าตัดสินใจใช้ความมุ่งมั่นทําตามฝันโดยไม่ต้องสนใจในสิ่งที่ ‘ขาด’ เพียงเท่านี้ที่ไหนๆ
ในโลกก็กลายเป็นเอเวอเรสต์ได้เช่นกัน”
0
ที่มา : นิตยสาร Secret ปี 2555 ฉบับที่ 102 หน้า 83
คอลัมน์ : Inspiration
ผู้เขียน/แต่ง : ปาปิรัส
0
บทความน่าสนใจ