ฝึกสมาธิแบบ พุทโธ หนทางของ “ผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน”
การทำสมาธิสาย พุทโธ เป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ “พุทโธ” เป็นคำบริกรรมภาวนาที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัย เจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) พระภิกษุฝ่ายเถรวาท คณะธรรมยุติกนิกาย ซึ่งได้ถ่ายทอดให้แก่ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล บูรพาจารย์ใหญ่สายป่าด้านวิปัสสนากรรมฐาน และต่อมาท่านถ่ายทอดให้ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งนำมาสอนแก่พระภิกษุ ที่เป็นศิษยานุศิษย์ให้ได้บรรลุธรรมเป็นจำนวนมาก
พระครูปลัดมงคลวัฒน์ (สุพล ขนฺติพโล) เจ้าอาวาสวัดเทพเจติยาจารย์ และผู้อำนวยการสถาบันพลังจิตตานุภาพ กล่าวถึงวิธีปฏิบัติธรรมสายพุทโธตามหลักสูตรครูสมาธิ ซึ่งเป็นคำสอนของ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ลูกศิษย์ผู้สืบสายธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่า
“การปฏิบัติแต่ละครั้งมีทั้งนั่งสมาธิ 30 นาที และเดินจงกรม 30 นาที (สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มฝึกให้ทำสมาธิวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 5 นาทีรวมเป็นวันละ 15 นาที) โดยระหว่างปฏิบัติให้บริกรรมคำว่า ‘พุทโธ’ ต่อเนื่องกันไป แบบไม่ต้องตามลมหายใจ ทั้งนี้เพื่อเคลียร์อารมณ์ให้เป็นหนึ่งเดียว หรือที่เรียกว่า ‘เอกัคคตารมณ์’ และ เป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่นผู้เบิกบาน อันมีจุดประสงค์เพื่อสร้างพลังจิต
“พลังจิต คือกำลังใจ การสะสมพลังจิต เปรียบได้กับการเรียนหนังสือ คือเมื่อเราทำต่อเนื่อง ความรู้ก็จะเพิ่มขึ้น พลังจิตก็เช่นกัน เมื่อทำไปเรื่อย ๆ พลังส่วนดีก็จะเพิ่มขึ้นมาแทนที่พลังส่วนไม่ดี ทำให้จิตที่ได้รับพลังแข็งแกร่ง ซาบซึ้ง และ อบอุ่นยิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ยกตัวอย่าง คนที่เกิดความกลัวนั้น ก็เนื่องมาจากพลังจิตส่วนดีหมดลง ความโกรธก็เช่นกัน หากมีพลังจิตน้อย ก็จะทำให้ขาดสติยั้งคิด ดังนั้น ประโยชน์ของการมีพลังจิต คือทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความมั่นใจ มีสติ ความกลัวหายไป ความโกรธลดลง และรู้จักให้อภัย
“พลังจิตไม่ใช่เรื่องอภินิหาร แต่เป็นเรื่องของเหตุและผล ที่เราต้องทำด้วยตัวเอง ไม่สามารถให้คนอื่นทำแทนได้ การมีพลังจิต ยังทำให้เกิดคุณธรรม 3 อย่าง คือ 1. เป็นคนมีเหตุผล 2. มีความรับผิดชอบสูง มีเมตตา และ 3. รู้จักให้อภัย”
นอกจากนี้พระครูปลัดมงคลวัฒน์ ยังกล่าวเสริมว่า
“สมาธิโดยทั่วไปมี 2 ประเภท คือ 1. สมาธิธรรมชาติ ซึ่งได้จากการนอนหลับพักผ่อนตามธรรมชาติ ในแต่ละวัน 2. สมาธิที่สร้างขึ้น ได้แก่ การฝึกสมาธิ เริ่มต้นตั้งแต่การนึกคำบริกรรม อันมีจุดประสงค์เพื่อสะสมพลังจิต โดยพลังจิตแบ่งออกเป็นพลังหลัก 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะถูกเก็บไว้ในจิต และพลังเฉลี่ย 40 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นพลังที่ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งการคิด การพูด และการทำงาน พลังเฉลี่ยสามารถหมดลงได้ แต่สามารถเพิ่มขึ้นได้ด้วยการทำสมาธิ
“เมื่อคนเรามีสมาธิจะทำให้มีสติ เมื่อมีสติจะทำให้เกิดปัญญาในการแก้ไขปัญหา ทำงานได้อย่างรอบคอบ ในทางตรงกันข้าม หากคนเราขาดสมาธิ ก็ทำให้สติอ่อน ปัญญาในการแก้ไขปัญหา ก็อ่อนตามไปด้วย สมาธิจึงมีความสำคัญดังที่กล่าวมา”
ส่วนอานิสงส์ของการปฏิบัติสมาธิตามที่หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร กล่าวไว้ในหลักสูตรครูสมาธิมีทั้งหมด 12 ข้อ คือ
1. ทำให้หลับสบาย คลายกังวล 2. กำจัดโรคภัยไข้เจ็บ 3.ทำให้สมองปัญญาดี 4. ทำให้มีความรอบคอบ5. ทำให้ระงับความร้ายกาจ 6. บรรเทาความเครียด 7. มีความสุขพิเศษ 8. ทำให้จิตใจอ่อนโยน 9. กลับใจได้ 10. เวลาสิ้นลมพบทางดี 11. เจริญวาสนาบารมี และ 12. มีจิตเป็นกุศล
สถานที่ปฏิบัติสำหรับผู้ที่สนใจ
1. วัดธรรมมงคล 132 สุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร โทร. 0-2332-4145, 092-454-4900 www.dhammamongkol.com
2. สถาบันพลังจิตตานุภาพ โทร. 0-2311-1387, 0-2311-3903 แฟกซ์ 0-2741-3551 www.samathi.com
ที่มา : นิตยสาร Secret