Dhamma Daily : สุดเซ็ง ! มีแฟนขี้โกหก เหนื่อยจนอยากเลิก ทำอย่างไรดี
สุดเซ็ง ! แฟนโกหกบ่อย ๆ และทะเลาะกันบ่อย ๆ จนเหนื่อยอยากเลิก มีหลักธรรมข้อไหนที่จะช่วยไม่ให้ทะเลาะกันหรือไม่ให้แฟนโกหกบ้างคะ
พระครูธรรมธร ดร.สาคร สุวฑฺฒโน พระอาจารย์ผู้ไขปัญหาประจำฉบับ กล่าวว่า
การทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติที่บางครั้งอาจเกิดเพราะไม่เข้าใจหรือไม่ฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น การจะครองรักให้ยืนยาว คุณโยมต้องมีธรรมะ คือ ขันติและ โสรัจจะ
ขันติ คือ ความอดทน มีจิตใจเข้มแข็งและโสรัจจะ คือ ความสงบเสงี่ยม ความมีอัธยาศัยงดงาม ความประณีต ความเรียบร้อยจะทำให้จิตใจเราสงบ ไม่ทะเลาะกับใคร
ขันติและโสรัจจะเป็นธรรมสองข้อที่ไปด้วยกัน เมื่อแปลจะได้ความหมายว่าธรรมอันทำให้งาม โดยความงามในที่นี้หมายถึง
1. มีจิตใจเข็มแข็ง น่ายกย่อง
2. มีวาจาไม่ก้าวร้าว ไม่หยาบคาย
3. มีการกระทำอยู่ในกรอบที่เหมาะสม
ส่วนแฟนที่ชอบโกหกต้องรู้จักมีเบญจศีลและเบญจธรรมในข้อที่ 4 ได้แก่ เบญจศีลในข้อ มุสาวาทา เวรมณี คือเว้นจากการพูดเท็จ ต้องตระหนักถึงผลที่จะตามมา คือ ทำให้ชีวิตคู่ไม่สงบ และเบญจธรรมในข้อที่ 4 คือ สัจจะ คือ มีความซื่อสัตย์ มีความจริงใจ พูดจริงทำจริงไม่โกหกหลอกลวงใครให้เกิดความเสียหายและเสียความรู้สึก จะทำให้ชีวิตคู่สงบสุขและชีวิตส่วนตนก็จะผาสุกไปด้วย
โกหก บาปแค่ไหน…สงสัยจัง? พระอาจารย์มีคำตอบ
รู้ทั้งรู้ว่าการ โกหก เป็นสิ่งไม่ดี แต่บางครั้งก็ต้องโกหกบ้างตามมารยาทหรือโกหกให้คนฟังสบายใจ แล้วอย่างนี้โกหกจะบาปแค่ไหน…พระอาจารย์สุรศักดิ์ จรณธัมโม ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดผาณิตาราม มีคำตอบค่ะ
Q: ก่อนอื่นขอให้ช่วยอธิบายเรื่องศีลห้าและศีลข้อสี่ที่ว่าด้วยข้อห้ามเรื่องการโกหกอย่างกระจ่างก่อนค่ะ
A: ศีลห้าเป็นสิ่งวัดความเป็นปกติของมนุษย์ ผู้มีศีลน้อยลงเท่าใดความเป็นมนุษย์ในบุคคลนั้นก็จะน้อยลงด้วย จริงๆ แล้วศีลไม่ได้เป็นข้อห้ามอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ผู้มีศีลไม่ใช่ผู้ที่ถูกห้าม แต่ต้องเป็นผู้ที่มีเจตนางดเว้น ผู้ใดที่มีเจตนางดเว้นการกระทำทางกายทางวาจาที่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่บุคคลอื่น ผู้นั้นคือผู้มีศีล
ศีลข้อที่สี่คือ การที่มีเจตนางดเว้นการพูดเรื่องไม่จริง หากมีการละเมิดที่มีความหมายว่ามีการพูดไม่จริงเกิดขึ้น นั่นคือกำลังมีวาจาที่เป็นอกุศล ผลก็ต้องเป็นอกุศล คงเป็นบุญไปไม่ได้
Q: ศีลข้อนี้จะขาดเมื่อไร และผลจากการผิดศีลข้อสี่จะได้รับผลกรรมอย่างไรคะ
A: ศีลข้อนี้จะขาดเมื่อ หนึ่ง มีเรื่องไม่จริง สอง มีเจตนาที่จะพูดโกหก สาม พยายามพูดออกไป และ สี่ มีผู้เข้าใจผิด ต้องแยกให้ชัดเจน คนเรามีการกระทำได้สามทางคือ กาย วาจา และใจ การคิดเป็นเรื่องของใจ หากคิดอยากจะโกหก มีเจตนาทางใจเกิดขึ้น บาปก็เกิดขึ้นทางใจแล้ว หากมีการพูดไม่จริงอีกก็เป็นบาปจากการกระทำทางวาจา แยกกัน ไม่ปะปนกัน ทำสิ่งใดก็ได้ผลตามที่กระทำนั้น
ผลของการพูดไม่จริง คือ ขาดผู้คนเชื่อถือ ขาดบุคคลคบหาที่จริงใจ จิตใจร้อนรนไม่ปกติ หลังจบชีวิตในชาตินี้ หากได้ไปเกิดเพราะผลของกรรมนี้ก็จะไปเกิดด้วยแรงของอกุศลคือทุคติภูมิ
Q: การปฏิเสธหรือบอกปัดเพื่อมารยาท ถือว่าเป็นการโกหกหรือไม่คะ
A: “ใช่” บอกว่า “ไม่ใช่” “ไม่ใช่” บอกว่า “ใช่” จะถือว่าไม่โกหกคงไม่ได้ จริงๆ ถ้าเป็นไปได้ควรงดเสีย ไม่พูด เพราะไม่มีการโกหกเรื่องใดที่น่ายกย่องว่าเป็นมารยาทที่ควรทำ
บทความน่าสนใจ
Dhamma Daily : แนะวิธี การปฏิบัติธรรมฉบับมนุษย์เงินเดือน ที่มีเวลาไม่มาก
Dhamma Daily : อยากฆ่าตัวตาย เพราะทุกข์กับความรักแสนสาหัส ควรทำอย่างไร