4 วิธีคิด เปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น เจ๋งขึ้น มากกว่าเมื่อวาน

เพราะมนุษย์เราต่างก็มีหลากหลายมุมให้ได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นด้านที่ดีหรือด้านที่ร้าย แต่ GoodLife ก็เชื่อว่า ทุกๆ คนล้วนอยาก เปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นสักเท่าไหร่เลย เพียงแค่เริ่มต้นโดยการลองเปลี่ยนความคิดภายในใจของเราก่อน แค่นั้นเอง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความคิดมีผลอย่างยิ่งต่อการกระทำ เขาถึงได้บอกว่า ถ้าหากคิดดี พูดดี พฤติกรรมที่แสดงออกมาก็ย่อมต้องดีตามไปด้วย ดังนั้น ความคิดนี่แหละค่ะ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆ สิ่ง ถ้าหากเราอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น ก็ต้องรู้จักนำพาความคิดดีๆ มาสิงสถิตอยู่ภายในจิตใจให้ได้เสียก่อน ฉะนั้น ตามมาฟังวิธีคิดที่เรานำมาฝากทุกคนกันเลยดีกว่าค่ะ

คิดถึงเรื่องดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

ใครว่าการคิดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้เป็นสิ่งที่เพ้อเจ้อและมองไม่เห็น ขอบอกเลยว่าไม่จริงเสมอไปนะคะ เพราะการวางแผนอนาคตข้างหน้านั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนควรพึงปฏิบัติกันอยู่แล้ว การคิดถึงเรื่องดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ จึงเปรียบเสมือนกับการได้รับพลังและแรงจูงใจ ว่าเรายังมีโอกาสในการแก้ตัว หรือเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ที่เคยทำผิดพลาดไปในเมื่อวาน

ฉะนั้น มุนษย์เราอยู่ได้ด้วยความหวัง เมื่อมองเห็นความหวังที่จะแก้ตัวในวันพรุ่งนี้ ก็สามารถทำให้มีแรงกาย แรงใจที่จะฮึดสู้ต่อ อย่างน้อยๆ หากเราได้ทำอะไรด้วยความตั้งใจ บวกกับความมุ่งมั่นที่มีอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ผลลัพธ์หรือค่าตอบแทนก็จะให้กลับมาได้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยเช่นกัน

คิดถึงความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นจากสองมือของเราเอง

เมื่อพูดถึง “ความสำเร็จ” หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ยากกว่าจะไขว่คว้าได้มา แต่มันจะดีแค่ไหน ถ้าหากความสำเร็จที่ว่านั้น เกิดขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงและสองมือน้อยๆ ของเราเอง แม้ในระหว่างทางอาจต้องพบเจอกับอุปสรรคและความยากลำบากมากมายก็ตาม ซึ่งเราก็อยากให้คุณเปลี่ยนความคิดเหล่านี้เสียใหม่ด้วยว่า “ไม่มีความสำเร็จของใครได้มา โดยไม่ปราศจากความเหน็ดเหนื่อย หรือความพยายาม”

เพราะอย่างน้อยๆ มันก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยสอนให้คุณมองเห็นถึงคุณค่าของสิ่งต่างๆ รอบตัวมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงได้รู้จักที่จะรักและหวงแหนทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ที่คุณได้พยายามสร้างให้มันเกิดขึ้นมาอีกด้วยล่ะค่ะ

คิดเก็บนำแต่เรื่องดีๆ มาใส่ใจ

เรื่องบางเรื่องหรือคนบางคน รวมไปถึงคำพูดต่างๆ มากมายที่ต้องพบเจอในแต่ละวัน ต่างก็มีส่วนทำให้ชีวิตและจิตใจของเราหม่นหมองลงได้ ซึ่งนี่อาจถือว่าเป็นตัวฉุดรั้งความก้าวหน้าที่สำคัญของชีวิต เพราะเรามัวแต่จมปลักและยึดติดอยู่แต่กับสิ่งเหล่านั้น

ทางที่ดี สิ่งที่ควรทำก็คือ จงชั่งน้ำหนักของแต่ละเรื่องราว หรือคนบางคนที่ต้องเจอในชีวิตดู ว่าเรื่องไหนสำคัญมากพอที่ควรจะเก็บนำมาใส่ไว้ในใจหรือไม่ เพราะถ้าหากเรื่องไหนที่ไม่สำคัญ อีกทั้งยังเป็นการบั่นทอนจิตใจ เราก็เลือกที่จะโยนมันทิ้งไปได้นะคะ

คิดถึงทั้งตัวเองและคนรอบข้างเสียบ้าง

บางครั้งความเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมนึกถึงใครบ้างเลยนี่ล่ะค่ะ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเราไม่มีความสุข เปรียบเสมือนกับมีไฟสุมอยู่ในใจตลอดเวลา เนื่องจากความเห็นแก่ตัวในการยอมไม่ได้ที่จะเห็นใครอยู่เหนือกว่าหรือได้ดีกว่า ซึ่งมันจะดีกว่ามั้ย ถ้าหากเราลองมองให้เห็นถึงความสำคัญของคนรอบข้างดูบ้าง ไม่นำตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางอยู่ฝ่ายเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่แค่เราที่รู้สึกดี แต่มันอาจทำให้คนรอบๆ ตัวเรา ต่างก็รู้สึกดีที่มีคนให้ความสำคัญตามไปด้วย

ฉะนั้นแล้ว ความคิดที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด คงหนีไม่พ้นการคิดถึงทั้งตัวเราและคนรอบข้างให้มาก ลดความเห็นแก่ตัวลง และเพิ่มความอ่อนโยนในจิตใจที่มากยิ่งขึ้น เชื่อเถอะค่ะว่า ทุกๆ วัน เราก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากๆ แล้ว