ถึง คนเคยรัก …ขอบคุณนะ ขอให้เธอไปดี
การที่คนสองคนคบหากัน มักมีช่วงเวลาหวานชื่นและขมขื่นปะปนกันไป แต่เมื่อความรักจืดจางลงก็มักจะมีเรื่องที่ทำให้ทั้งคู่ต้องเลิกรากันไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การจากลานั้นจึงเจ็บปวดและยากลำบากเสมอ ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดกับใครก็ตาม จาก คนเคยรัก อาจกลับกลายเป็นคนที่เราชังที่สุดในชีวิต
การเลิกรากันย่อมสร้างบาดแผลให้กับคนที่ถูกทิ้ง ซึ่งบาดแผลนั้นไม่สามารถรักษาให้หายดีได้เหมือนเดิม ทั้งนี้เพราะการเลิกรากันเกิดขึ้นในขณะที่ฝ่ายหนึ่งยังไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้รู้สึกเหมือนโดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว ในเวลาแบบนั้นบาดแผลแห่งความเกลียดจึงเกิดขึ้น
พระพ็อบรยูน พระนักเทศน์ชาวเกาหลี บอกไว้ในหนังสือเรื่อง “หลงทางไปบ้างไม่เป็นไร” ว่า บาดแผลแห่งความเกลียดทำให้ฝ่ายที่ถูกทิ้งต้องทุกข์ทรมาน ไม่ใช่อีกฝ่ายที่เดินจากไป เมื่อในใจของเรายังมีบาดแผลอยู่ แม้ว่าจะได้เจอคนใหม่ บาดแผลนั้นก็จะกำเริบขึ้นมากลายเป็นอุปสรรคขัดขวาง
เช่น หากมองเห็นสิ่งที่เราเคยไม่ชอบในตัวคนรักเก่าในตัวคนรักใหม่แล้วจะเป็นอย่างไร ใจของเราก็จะตอบสนองต่อสิ่งนั้นมากกว่าปกติและจะเป็นไปในทางลบแน่นอน เราอาจจะคิดว่า “คนนี้ก็เป็นเหมือนกันเหรอ” หรือ “ฉันต้องเจอคนแบบนี้อีกแล้วเหรอ?”
ความรักที่ถูกความคิดเช่นนี้ควบคุมไว้ไม่นานก็ย่อมจืดจาง
การที่ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้จะสร้างปัญหาทันทีนั้นมีไม่ถึง 10% และในบรรดาปัญหาที่เราสร้างขึ้น 90% เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วทั้งนั้น แต่ที่มันเกิดขึ้นเพราะบาดแผลเก่าที่มีอยู่ในใจเกิดการอักเสบขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะฉะนั้นเลยบอกว่าอย่าไปโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่ายเลย ให้เราย้อนกลับมามองตัวเองเสียก่อนว่า
“ฉันมีบาดแผลในใจอยู่สินะ”
ให้เราพิจารณาหาเหตุผลเช่นนี้ จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้
วิธีที่จะตัดใจจากคนที่ทิ้งเราไปและรักษาบาดแผลในใจที่ยังคงอยู่คือ การที่เราต้องคิดถึงคนคนนั้นในแง่ดีและเก็บเขาไว้ในความทรงจำ ถ้าเราคิดถึงเขาในแง่ดีเราก็จะสามารถตัดใจจากเขาได้และบาดแผลก็ได้รับการรักษาไปด้วย
การคิดถึงเขาในแง่ดี ไม่ใช่ความคิดที่ว่า “ฉันผิดเอง ฉันคงทำกรรมอะไรไว้” แต่ให้เราสำนึกผิดว่า “เพราะฉันจมอยู่กับความคิดของตัวเองมากเกินไปทำให้ไม่เข้าใจเขาเท่าที่ควร”
เรารักษาบาดแผลในใจเราผ่านขั้นตอนเหล่านี้ โดยเปลี่ยนภาพความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเขาให้เป็นภาพที่ดี เพื่อที่ในที่สุดเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เมื่อรักษาบาดแผลในใจได้แล้ว พอคบหากับคนใหม่ ก็ให้เรานำเอาความทรงจำในอดีตมาเป็นประสบการณ์ ไม่ใช่เก็บไว้เป็นบาดแผลในใจ
บาดแผลในใจที่เกิดจากความรักเราต้องรักษาให้หาย เมื่อเราได้พบคนใหม่มันจะได้ไม่ส่งผลเสียหรือต่อให้มีก็น้อยมาก หรืออย่างน้อยเมื่อเราคบกับคนใหม่แล้วบาดแผลในใจเกิดกำเริบขึ้นมา เราก็จะได้ตระหนักรู้ว่า “นี่เป็นปัญหาของฉันเองนี่นะ” จึงจะสามารถทำให้ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ราบรื่นได้
เมื่อใดที่เราหันกลับมามองตัวเองและยอมรับได้ว่า “ฉันมีบาดแผลในใจอยู่” ก็ถึงเวลาแล้วที่เราต้องรักษาตัวเราเอง
โดยพระพ็อบรยูนบอกว่าให้ขอบคุณคนที่ทิ้งเราไป ซึ่งหมายถึงการให้เราได้หันกลับมามองปัญหาของตัวเอง ถ้าระหว่างเรากับเขายังมีทั้งความรักและความชังเหลืออยู่ การรักษาด้วยวิธีนี้ ก็จะเป็นยาที่ทำให้บาดแผลจากความรู้สึกทั้งสองนี้จางหายไป
สุดท้ายแล้วเขาก็จะกลายเป็นเพียงภาพความทรงจำอันเลือนราง แต่ไม่อาจทำให้เราเจ็บจากบาดแผลครั้งเก่าได้อีก
ต่อไป
สำหรับใครที่กำลังตกอยู่ในสภาวะมืดมนสับสนใจชีวิต มองไปทางไหนก็มีแต่ความทุกข์ ลองอ่านวิธีแก้ปัญหาชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวังและการให้กำลังใจเพิ่มเติมได้ใน หลงทางไปบ้างไม่เป็นไร เขียนโดย พระพ็อบรยูน แปลโดย
อาสยา อภิชนางกูร สำนักพิมพ์อมรินทร์
บทความที่น่าสนใจ
10 วิธีหักห้ามใจหากเกิดอาการ คิดถึงแฟนเก่า