เมื่อเวลาผ่านไปคุณอาจจะติดใจและรู้สึกสนุกเพลิดเพลิน จนเหมือนมีเพื่อนสนิทอยู่ติดตัว เพื่อนที่รักและเข้าใจคุณมากที่สุดนั่นเอง ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนไม่อยากทิ้งมันไปเลยก็ได้ หากวันไหนไม่ได้คุย คุณจะเริ่มคิดถึงเพื่อนคนนี้ขึ้นมาทันที อย่างไรก็ดี ยังมีการพูดคุยกับตัวเองอีกหลายวิธี ที่อาจจะดูแปลกๆ ในระยะแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนเราชำนาญ คุณอาจจะชอบไม่แพ้กันเลยก็ได้
>> การคุยออกเสียง <<
ไม่ว่าคุณจะคุยกับตัวเอง หรือคุยกับเพื่อน กับใครๆ ก็ตาม หากได้คุยกันแบบออกเสียง ยิ่งดัง ยิ่งชัดถ้อยชัดคำ ก็จะรู้สึกว่ายิ่งมีอรรถรสเพลิดเพลินใช่มั้ยล่ะคะ ข้อดีอย่างหนึ่งของการคุยแบบออกเสียงกับตัวเอง ก็คือคุณจะเห็นรูปแบบและลักษณะการพูดของตัวเองได้ง่ายขึ้น กำลังเป็นไปในเชิงบวกหรือเชิงลบ โดยในขณะเดียวกันก็จะทำให้รู้สึกว่าคุณมีความจริงใจกับตัวเองมากขึ้นด้วย แต่ข้อเสียก็มีนะคะ คุณอาจจะรู้สึกขัดเขินบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ในสถานที่สาธารณะด้วยแล้ว ดังนั้น คุณจะต้องเลือกสถานที่ให้เหมาะกับการพูดคุยกับตัวเองในลักษณะนี้ด้วย ซึ่งสถานที่ที่เหมาะสมและดีที่สุด ก็คือห้องน้ำนั่นเองค่ะ
ยิ่งเป็นขณะที่อาบน้ำ หรือปลดทุกข์ด้วยแล้วล่ะก็แทนที่จะทำอะไรอย่างอื่น เช่นฟังวิทยุ หรืออ่านหนังสือพิมพ์ ก็ขอให้ใช้เวลาดังกล่าวอันถือเป็นเวลาที่มีค่ายิ่งในการพูดความในใจ หรือป้อนโปรแกรมทางบวกให้กับตัวเองเยอะๆ ไปเลย การพูดคุยแบบออกเสียงนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากในการขจัดความคิดทางลบเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้ก่อตัวสะสมมานานในหัวของคุณ และอาจจะกำลังกำหนดทิศทางผิดๆ ให้ชีวิตคุณอยู่ จำเอาไว้ว่าระยะทางไม่สำคัญเท่าทิศทางที่ถูกต้อง ดังนั้น การพูดคุยกับตัวเองแบบออกเสียง จึงเป็นเสมือนเข็มทิศหรือเคล็ดวิชาที่มีค่ามาก
ทั้งนี้ การพูดคุยแบบออกเสียงกับตัวเอง จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีครูผู้ชี้แนะให้คำปรึกษา และชี้ให้คุณเห็นเป้าหมายของตัวเองชัดเจนขึ้นว่า ในสถานการณ์หนึ่งๆ คุณมีทางเลือกอื่นใด หรือสามารถทำอย่างไรได้บ้าง ในการที่จะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สุดท้ายการพูดคุยในลักษณะนี้ยังสามารถทำได้ในบ้าน ในห้องนอน หรือในรถส่วนตัว ซึ่งหากลองทำไปสักพักแล้ว คุณก็จะรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของตัวเองดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเลยเชียวล่ะ แถมจะช่วยให้คุณได้มีมุมมองใหม่ๆ ในการจัดการกับปัญหาบางอย่าง ซึ่งแต่เดิมคุณอาจจะยอมแพ้หรือมักจะท้อแท้ และเคยหันหลังให้ทันทีเมื่อปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น
>> การคุยออกรส เป็นบทสนทนา <<
หลายๆ คนคงเคยได้อ่านหรืออาจคุ้นเคยกับหนังสือในทำนองที่ถูกเขียนออกมาเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคล กับเทพเจ้า และอาจรู้สึกว่ามันช่างน่าอบอุ่นเสียจริง กับการได้อ่านบทสนทนาที่มีพลังอำนาจที่เหนือกว่าตัวเรา จะเป็นอย่างไร หากเราจะบอกว่าคนเราสามารถพูดกับพลังอำนาจในลักษณะดังกล่าวได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเจ้าพลังอำนาจที่ว่านี้คืออะไร
พลังอำนาจที่ว่านั้นก็คือตัวตนภายในของคุณนั่นเอง บางคนอาจจะเรียกตัวตนภายในดังกล่าวนี้ว่า “ตัวตนที่สูงกว่า” และก็ไม่ใช่เรื่องราวของอิทธิฤทธิ์หรือไสยศาสตร์แต่อย่างใด ไม่ว่าเราจะเรียกตัวตนภายในว่าผู้รู้ หรือเสียงจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ก็ตาม ตัวตนภายในของเราก็เป็นเรื่องที่มีหลักการทางจิตวิทยารองรับมาช้านานแล้วค่ะ พูดแบบให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เมื่อคนเราหัดตั้งคำถามหรือพูดคุยกับตัวเอง ด้วยจิตที่เป็นสมาธิและเป็นกลางในระดับหนึ่งแล้ว คำตอบที่เกิดขึ้นจากการพูดคุยหรือตั้งคำถามกับตัวเองนั้นย่อมจะเป็นทางออกหรือทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนั้น
