3 วัดสวย น่าไป ไม่ไกลกรุงฯ
วัด นอกจากจะเป็นสถานที่ทำบุญ ฟังธรรม และพักผ่อนจิตใจแล้ว วัด บางแห่งยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เป็นกุศโลบายในการดึงดูดให้ชาวพุทธเข้าวัดทำบุญมากขึ้นอีกด้วย วันนี้ Secret จึงขอนำเสนอ วัดสวย 3 แห่งซึ่งสวยงามและอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ให้ชาว Secret ได้ไปพักผ่อนร่างกายและจิตใจในวันหยุดกัน
วัดข่อย
วัดข่อย มีชื่อเสียงจากพระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ งานพุทธศิลป์ชั้นสูงของช่างเมืองเพชร เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและใช้เป็นสถานปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนทั่วไป
รูปแบบโครงสร้างพระธาตุฉิมพลีฯ จำลองแบบมาจากผ้ายันต์ฉิมพลีของวัดท่าไชยศิริ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นยันต์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บริเวณผนังด้านนอกตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นร่วมสมัยที่สอดแทรกคติธรรมไว้มากมาย เช่น มีรูปปั้นเป็นยักษ์ ลิง พราหมณ์ นักการเมือง และนักกีฬา แบกฐานขององค์พระธาตุเอาไว้ สื่อความหมายว่า ต้องการให้ทุกคนมีส่วนร่วมอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาไปด้วยกัน
ภายในประดิษฐานพระประธาน 3 องค์คือ พระพุทธมิ่งมงคล พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิและพระสิวลีมหาลาภร่มเย็นบริเวณผนังเป็นภาพจิตรกรรมลายรดน้ำ ถ่ายทอดเรื่องราวพุทธชัยมงคลคาถา หรือพาหุง 8 บท และด้านหลังองค์พระธาตุฉิมพลีฯมีประติมากรรมปูนปั้นแบบนูนสูง ลงสีเงินคล้ายโลหะแสดงเรื่องราวพระมหาชนก
พระทศพล กมโล พระอาจารย์ประจำวัดข่อยกล่าวถึงกุศโลบายของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆภายในวัดว่า “เราสร้างเพื่อดึงดูดให้ญาติโยมมาบำเพ็ญกุศล ประกอบคุณงามความดีเข้าวัด ฟังธรรม ให้ทาน ทำจิตใจให้ผ่องใสด้วยการนั่งสมาธิ นอกจากนี้ยังต้องการให้เขาเรียนรู้ประวัติและเรื่องราวในสมัยพุทธกาล เช่น พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิ คือเรื่องราวของเศรษฐี 9 ท่านในพุทธกาลที่เป็นเพียงคน
ธรรมดา แต่ทำคุณงามความดีไว้มากมายโดยคนที่เข้ามาสักการะอาจสนใจ จนกระทั่งกลับไปศึกษาว่าบุคคลทั้ง 9 ท่านนี้ทำความดีอะไร และได้รับผลตอบแทนอย่างไร และเขาอาจนำแนวทางเหล่านั้นไปปรับใช้ในชีวิตก็ได้”
วัดข่อย ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองฯ จังหวัดเพชรบุรี
ข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 06-1601-7886
คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป
วัดพระศรีอารย์
วัดพระศรีอารย์ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2275 เป็นวัดที่มีชื่อเสียงจากอุโบสถทองคำร้อยล้าน ซึ่งปิดด้วยทองคำเปลวทั้งหลัง ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 37 ปี โดยพระครูสิริพัฒนกิจ (หลวงพ่อขันธ์ กนฺตธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์ เป็นผู้ริเริ่มให้ก่อสร้าง สาเหตุที่ปิดด้วยทองคำเปลวทั้งหลังนั้น เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ดุจทองคำ
พระประธานภายในอุโบสถ คือ พระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยหยกขาวทั้งองค์ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะ (พระราชสังวรอุดม) วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในการอัญเชิญมาประดิษฐาน ณอุโบสถแห่งนี้ และสิ่งที่ถือว่ามีคุณค่าอีกสิ่งหนึ่งคือ บานประตูไม้ยมหอมที่แกะสลักจากไม้เพียงแผ่นเดียว ถ่ายทอดเรื่องราวพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน ถัดจากบานประตูจะมีซุ้มเรือนแก้วเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปประจำวันเกิด ตกแต่งด้วยลวดลายเทพนม ซึ่งหมายความว่าเหล่าเทพทั้งหลายมาร่วมอนุโมทนาในการทำบุญครั้งนี้ชาวบ้านเชื่อว่า หากใครเดินผ่านซุ้มประตูนี้จะถือเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง และหากยืนตรงประตูและอธิษฐานขอพร สิ่งที่คิดไว้จะประสบผลสำเร็จส่วนบริเวณหน้าต่างรอบอุโบสถแกะสลักเรื่องราวทศชาติชาดก ผนังรอบอุโบสถมีภาพเขียนสีเรื่องราวของพระมหาชนกและพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
นอกจากนี้บริเวณรอบอุโบสถยังประดิษฐานพระพุทธรูปพระศรีอารย์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่วัดจำนวน 9 องค์ ประจำ 9 ทิศ ลักษณะเด่นคือ มีแก้วสารพัดนึก (ลักษณะคล้ายตาลปัตร) อยู่ด้านหน้าองค์พระ เพื่อให้ประชาชนสักการะอีกด้วย
วัดพระศรีอารย์ 139 ซอยสุขาภิบาล 8หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
ข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 09-8907-0073
คลิกเลข 3 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป
วัดทิพย์สุคนธาราม
เมื่อปี พ.ศ. 2547 คุณฉันทิพย์ กลิ่นโสภณ และครอบครัวซึ่งเป็นผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาปรารถนาจะสร้างวัด จึงได้บริจาคที่ดินจำนวน 319 ไร่ 2 งาน 2 ตารางวาณ ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามเป็นองค์อุปถัมภ์การดำเนินการสร้างวัดและตั้งชื่อว่า “วัดทิพย์สุคนธาราม”
ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้เห็นสภาพแวดล้อมอันแห้งแล้งของพื้นที่แห่งนี้ ชาวบ้านขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร ประกอบกับก่อนหน้านั้นไม่กี่ปี พระพุทธรูปศิลปะคันธาระอายุนับพันปีที่หน้าผาหุบเขาบามิยันประเทศอัฟกานิสถานถูกทำลายลง (ปีพ.ศ.2544) ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงได้เกิดดำริแรงกล้าที่จะสร้างพระพุทธรูปใหญ่เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของศาสนิกชน และกำหนดให้เป็นปางคันธารราฐ (ปางขอฝน) เพื่อพุทธานุภาพของพระพุทธองค์จะช่วยดลบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ดังที่ท่านเคยปรารภไว้ว่า
“ได้ฟังมาว่าเนื้อที่ตรงนี้ดี แต่กักเก็บน้ำไม่อยู่ ก็คิดว่าหากเราจะสร้างพระพุทธรูปขึ้นสักองค์ ควรจะสร้างปางคันธารราฐ หรือปางขอฝน บางทีอาจช่วยให้ฝนตกได้”
จากนั้นจึงดำริให้สร้าง “พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์” พระพุทธรูปยืนโลหะสำริดปางขอฝน ประดิษฐานอยู่บนลานประทักษิณ ณ วัดทิพย์สุคนธาราม ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี นับเป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดที่สูงที่สุดในประเทศไทย
นอกเหนือจากความสง่างามโดดเด่นของพระพุทธเมตตาประชาไทยฯ แล้ว พื้นที่โดยรอบยังออกแบบให้เป็น “พุทธอุทยาน” ที่แวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้ในพุทธประวัติ อาทิ ต้นพระศรี-มหาโพธิ ต้นไทรนิโครธ ต้นสาละ เป็นต้นเพื่อให้อดีตพื้นที่แห้งแล้งแห่งนี้เป็นสวนป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ซึ่งจะเติบใหญ่เป็นสวนที่เขียวขจีใจอนาคต
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการชุด “อนุสรณ์แห่งการตื่นรู้” ที่จัดแสดงไว้ทั้งภายในอาคารนิทรรศการและนิทรรศการกลางแจ้ง เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้า รวมทั้งมีอ่างเก็บน้ำเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่โดยรอบได้พึ่งพาและใช้ประโยชน์ด้วย
สามารถสักการะพระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ได้ทุกวัน
ส่วนของนิทรรศการอนุสรณ์แห่งการตื่นรู้ เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 16.00 น.
วัดทิพย์สุคนธาราม ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิพระพุทธเมตตาประชาไทย ในพระบรมราชินูป ถัมภ์
สำนักงานกาญจนบุรี โทร. 0-3451-0993
สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0-2787-7081