เรื่อง ธันยาภัทร์ รัตนกุล ภาพ วรวุฒิ วิชาธร สไตลิสต์ ธนฤทธิ์ แสงสิน, สุธีร์ รติวัฒน์บุญญาแต่งหน้า กานต์นิพัทธ์ สนั่นวงศ์ ทำผม ทูนธรรม ชาญชลสมุทร เสื้อผ้า Marihorn (www.marihorn.com)
ใครจะเชื่อว่า แอน ทองประสม ผู้จัดละครระดับร้อยล้านและนางเอกซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยจะ “ติดหนาม” ไว้รอบตัว ตัวจริงของเธอที่ Secret ได้สัมผัสในวันนี้ ไม่ใช่นางเอกผู้อ่อนแอเหมือนอย่างในละครหลังข่าวที่เราเคยดูกัน แต่เธอเปรียบได้ดั่งกุหลาบดอกงามที่โดดเด่น สวยสง่าและกำลังเบ่งบานเต็มที่รับแสงตะวัน ที่สำคัญ เธอมีหนามอันแหลมคมที่พร้อมจะทิ่มแทงคนที่ไม่ปรารถนาดี ไร้ความจริงใจ และไม่ซื่อสัตย์ต่อเธอได้ทันที
ชีวิตของแอนตั้งแต่เด็กต้อง “ปากกัดตีนถีบ” มาโดยตลอดชีวิตของเธอลำบากถึงขนาดเคยมีรองเท้าแตะเพียงแค่คู่เดียวโดยต้องแบ่งกันใส่กับยาย แถมยังต้องรับจ้างล้างจานเพื่อแลกกับอาหารกลางวัน ความรันทดในชีวิตเช่นนี้เองที่หล่อหลอมให้เธอเป็นหญิงแกร่งอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นคำว่า “ชีวิต” และ “ความสำเร็จ” สำหรับแอนจึงไม่ใช่ “เรื่องง่าย” อย่างที่หลายคนเข้าใจ
ถึงแม้เธอจะเปรียบดั่งกุหลาบงาม ทว่าชีวิตของเธอก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบที่สวยงามเลยแม้แต่น้อย ความสำเร็จในวันนี้ของแอน ทองประสม สามารถพูดได้เต็มปากว่ามาจาก “ฝีมือ” ล้วน ๆและ…ทุกงานที่ทำ ทุกคำที่พูด ซึ่งคุณจะได้สัมผัสต่อไปนี้ ล้วนออกมาจากหัวใจของเธอ
คุณแอนมีหลักการทำงานและเคล็ดลับความสำเร็จอย่างไรคะ
ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองพยายามคิดงานสนุก ๆ ออกมาเพื่อให้คนดูชอบ ก็เหมือนเป็นแม่ค้ามาขายของในตลาดนั่นแหละค่ะ แอนย่อมอยากให้มีคนมาซื้อเป็นผู้จัดฯก็เหมือนกัน มีหน้าที่ผลิตละคร ก็ต้องอยากให้มีคนดูเยอะ ๆ คนดูละครแอนส่วนใหญ่เป็นแม่ค้า เป็นคนในตลาดที่มีรสนิยมการบริโภคแบบชาวบ้านทั่วไป ละครของแอนจึงเป็นอะไรที่ดูง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนหรือมีความเท่อะไรมากมาย แต่เป็นเรื่องที่สื่อถึงความรู้สึกมากกว่า อย่างละคร สามีตีตรา ถามว่าทำออกมาดูแรงไปไหม แอนบอกได้เลยค่ะว่ารุ่นที่แอนเล่นเข้มข้นและเชือดเฉือนกันกว่านี้เยอะ คือจริง ๆ เรื่องนี้มันเป็นความรักของเพื่อนรักที่หักหลังกัน ซึ่งเรื่องรักผู้ชายคนเดียวกันอย่างในละครมีอยู่จริง แอนพยายามทำสัดส่วนเรื่องความรัก ตบตี เชือดเฉือนให้มันสมดุลกัน และพยายามเตือนผู้ชมผ่านตัวละครว่าทำแบบนี้ไม่ดีนะ ถ้าดูแล้วไม่เชื่อ คุณก็ต้องไปเรียนรู้เอง
ได้จับงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอย่างนี้ ไม่ทราบว่าวงการนี้สอนอะไรให้บ้างคะ
สอนหลายอย่างค่ะ อาชีพในวงการบันเทิงเป็นอาชีพที่อยู่ในความฝัน เราได้เล่น ได้สวมบทบาทเป็นตัวละครที่หลากหลายทำให้วงการนี้มีเสน่ห์ ความสนุกของมันอยู่ตรงนี้ คือได้เปลี่ยนวิถีการเล่นไปเรื่อย ๆ และเราจะมีความสุขมากเมื่อคนดูอินกับตัวละครหรือบทบาทนั้น ๆ
ถ้าพูดในเรื่องชีวิตความเป็นจริง วงการนี้ทำให้แอนได้เจอคนที่หลากหลาย ทั้งดี ไม่ดี สีขาว สีดำ สีเทา เต็มไปหมด เลยทำให้เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เป็นคนแข็งแรง ไม่อย่างนั้นเราก็อยู่ไม่ได้ คือจริง ๆ แอนว่าจะสีดำหรือสีขาวมีอยู่ในทุกวงการนะคะ แต่อย่างอาชีพของแอน ถ้าไม่เข้มแข็งพอจะอยู่ลำบาก วงการนี้สอนให้แอนเป็นคนอดทนค่อนข้างเยอะ
อีกอย่างคืออาชีพนี้เป็นอะไรที่หวือหวา ใคร ๆ ก็อยากมายืนอยู่จุดนี้ แต่มันมีพื้นที่จำกัด ถ้าเราไม่รักษาพื้นที่ไว้ก็จะโดนเขี่ยกระเด็นไปได้ง่าย ๆ ซึ่งมันทำให้แอนเข้าใจโลกมากขึ้น ไม่วางใจอะไรง่าย ๆ เพราะคนเราเดี๋ยวนี้เอาเปรียบกันมากขึ้น ขี้เกียจมากขึ้น เหลื่อมล้ำกันมากขึ้น สนใจแต่เรื่องของคนอื่นมากขึ้น จนไม่สนใจที่จะพัฒนาตัวเอง มันเลยทำให้โลกทุกวันนี้อยู่ยาก เพราะถูกเบียดเบียน ตัวอย่างเช่น เดี๋ยวนี้จะเข้าห้องน้ำยังถูกถ่ายรูปแบล็กเมล์ มันทำให้แอนรู้สึกว่าชีวิตทุกวันนี้คืออะไรกันแน่ มันโรคจิตกันไปหมดแล้ว แอนรู้สึกว่าไม่มีพื้นที่ส่วนตัวที่ไหนปลอดภัยเลยนอกจากบ้านของเราเอง แอนรู้สึกว่าโลกและสังคมทุกวันนี้มันไม่ค่อยจะน่าอยู่สักเท่าไหร่
คลิกที่นี่!หรือกดเลข 2 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป
ในเมื่อโลกมันไม่น่าอยู่อย่างนี้ แล้วคุณแอนมีวิธีดำเนินชีวิตอย่างไรคะ
ก็ต้องพยายามมองในแง่ดี เพราะบางทีเราไนซ์ จริงใจกับทุกคน แต่อีกคนกลับไม่จริงใจกับเรา ก็กลายเป็นว่าเราเปิดไพ่แบไต๋ให้เขารู้เรื่องรู้จุดอ่อนเราหมด เขาก็จะเอาเปรียบเราได้ง่าย ๆแอนว่าการใช้ชีวิตในยุคนี้ไม่ต้องถึงกับหวาดระแวง แต่ก็ต้องระวังตัวให้มาก แอนถือคติว่าเราจริงจากใจได้ แต่อย่าจริงตลอดเวลาเดี๋ยวนี้แอนใช้ทฤษฎีนี้ตลอด เราควรจะให้ใจและจริงกับคนที่เขาพร้อมจะแชร์กับเราเท่านั้น คนที่เข้ามาหาเราด้วยความไม่จริงใจเขาก็จะได้รับความไม่จริงใจกลับไปเหมือนกัน สังคมมันสอนให้แอนเรียนรู้ว่าแอนต้องเลวตอบกลับไปบ้าง ให้เขาได้เรียนรู้บ้างว่าอย่าล้ำเส้นฉัน บางคนพูดด้วยดี ๆ ก็ไม่ยอมฟัง ไม่เกรงใจเรา เราก็ต้องมีโหมดโหดบ้าง สังคมบังคับให้แอนต้องแกร่งมากขึ้น แอนยอมรับว่าเราต้อง “ติดหนาม” ให้ตัวเองบ้างเพื่อความอยู่รอด ไม่อย่างนั้นเราก็จะโดนเขาโขกสับ เอาเปรียบเราอย่างเดียว
ถ้าอย่างนั้นที่เขาว่าวงการมายามีแต่คนสวมหน้ากากเข้าหากันก็เป็นเรื่องจริง
แอนว่าไม่เฉพาะวงการบันเทิงเท่านั้นนะคะ วงการอื่นก็มีมายาฉาบอยู่เต็มไปหมด แอนว่าบางทีเราก็แสดงความเป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ จะทำตัวตามสบายไม่ได้ เราจำเป็นที่จะต้องจัดวางตัวเองอยู่ในกรอบที่เหมาะสม เช่น อยู่ตรงนี้เราจะพูดจามึงมาพาโวยไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ที่ที่เราจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวยังไงก็ได้แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่จริงใจ แค่เราต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพราะบางคนเขาไม่ได้อนุญาตให้เรามีพื้นที่ส่วนตัวหรือเปิดโอกาสให้เราเป็นตัวของตัวเอง เราต้องเรียนรู้เอง แอนว่าทุกวันนี้คนเราก็มายาใส่กัน แสดงละครใส่กันทั้งนั้นแหละค่ะ
อีกอย่างพฤติกรรมคนเดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนไป เช้ามาเดี๋ยวนี้เปิดดูไอจีก่อนเลย ไม่อ่านหนังสือพิมพ์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่กลับไปดูเรื่องราวชีวิตคนอื่นว่าเขาทำอะไรที่ไหน เป็นอย่างไร แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มักจะลงแต่เรื่องราวดี ๆ ในไอจีของตัวเอง ซึ่งบางทีคนเราก็อดเอามาเปรียบเทียบกับชีวิตตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาดี แต่เราดูแย่เลยยิ่งทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีความสุขไม่เท่าเขา มีข้าวของไม่เท่าเขาบางคนเลยต้องพยายามหาวิธีเติมเต็มให้ตัวเองเหมือนคนอื่น เพื่อที่จะได้โชว์ได้อวดบ้าง หรือบางทีก็ใช้ไอจีเป็นเครื่องมือในการประชดประชันกัน ใช้เสียดสีด่าทอกัน ซึ่งแอนว่ามันน่ากลัว เพราะเทคโนโลยีถูกนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ แม้แต่แอนเองก็ต้องการแชร์ความรู้สึกดี ๆ หรือความรู้ความคิดดี ๆ แต่ก็ยังถูกหาว่าเราเจตนาโพสต์ข้อความลงไอจีเพื่อเสียดสีใครหรือเปล่า คือบางครั้งคนเราก็ใจแคบในการตีความ แอนเลยรู้สึกว่าสังคมนี้มันอยู่ยาก ก็เลยต้องมายาใส่กันบ้าง มันเป็นโหมดของการป้องกันตัวเองค่ะ
ในเมื่อความสุขหาได้ยาก แล้วความสุขของคุณแอนคืออะไรคะ
ความสุขของแอนคือความเรียบง่าย แอนว่าอะไรที่เรียบง่ายที่สุดมันคือสุขที่สุดแล้ว สมัยก่อนถ้าจะหาความสุข เราต้องจัดงานปาร์ตี้เชิญเพื่อนมาเปิดไวน์ มีดนตรีเพื่อสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น สนุกสนาน คือต้องมีกิจกรรมมากมายเพื่อให้เรารู้สึกสนุกไปกับมัน แต่พอแอนเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น วัยมันเปลี่ยนไปเลยกลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ขออะไรที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ ขออยู่นิ่ง ๆ ไม่สุงสิงกับใครมาก แค่มีเฉพาะเพื่อนที่เรารักและไว้ใจมาอยู่พูดคุยด้วยหรือไม่ก็เข้าสปาไปนวดหน้านวดตัว นอนฟังเพลงเบา ๆ ไปทะเลฟังเสียงคลื่นเสียงลม…เท่านี้ก็มีความสุขที่สุดแล้ว แต่ถ้าถามแอนตอนอายุ 25 ปี แอนคงไม่ตอบแบบนี้ เพราะชีวิตเราต้องสั่งสมประสบการณ์ จะให้แอนมาเข้าใจโลกเหมือนตอนอายุ 40 ปีแบบนี้คงเป็นไปไม่ได้ ชีวิตทุกคนต้องมีสเต็ป
คุณแอนได้เคยพักผ่อนด้วยการปฏิบัติธรรมหรือทำสมาธิบ้างไหมคะ
ยังไม่เคยค่ะ แต่อยากลอง แอนยอมรับว่าแต่ก่อนแอนตี้และไม่เชื่อว่าการนั่งสมาธิจะทำให้เราพบความสุข แอนรู้สึกว่ามันไม่จริงเพราะแอนรู้สึกว่าคนเราสามารถปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าร่างกายเราเปรียบเสมือนรถยนต์ที่ต้องมีการเข้าอู่ซ่อมบำรุงบ้าง เช็กตามระยะบ้าง จิตใจก็เช่นกันต้องการชาร์จพลังเพื่อรีเฟรชตัวเองใหม่ ให้พร้อมที่จะรับสถานการณ์ในแต่ละวันที่วุ่นวาย แอนเลยอยากจะไปปฏิบัติธรรมสักสามวันเจ็ดวัน เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้เรามีพลังเพิ่มขึ้น แอนคิดว่าคงต้องหาจังหวะที่พร้อมจริง ๆ ลองไปปฏิบัติดู คิดว่าจะต้องดีแน่ ๆ
คลิกที่นี่!หรือกดเลข 3 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป
คุณแอนได้ศึกษาธรรมะของท่านใดเป็นพิเศษไหมคะ
แอนไม่ได้ลงลึกขนาดนั้นค่ะ เพราะแอนเชื่อว่าพระพุทธศาสนาซึมซับอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว ถึงแม้แอนจะไม่ใช่คนที่เข้าวัดเข้าวาถี่ แต่แอนได้นำหลักธรรมของพระพุทธเจ้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเยอะมาก และแอนเชื่อว่าไม่มีใครสอนตัวเราได้ดีไปกว่าตัวเราเอง เวลาเราร้อน ตัวเราเองนี่ละที่จะบอกให้ใจเราเย็น เวลาเราเครียดหรือคิดมาก ก็ตัวเราเองอีกนั่นแหละที่ปลอบใจตัวเราเองให้คิดได้ แอนเชื่อว่าในตัวคนเรามีสติอีกด้านหนึ่งที่มีธรรมะช่วยขัดเกลาให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง แอนรู้จักหลักธรรมนี้เป็นครั้งแรกจากยายค่ะ ยายจะสอนแอนทุกอย่าง สอนให้เป็นคนดี มองโลกในแง่ดี ไม่เอาเปรียบใคร โดยพื้นฐานแอนก็เป็นคนอย่างนั้น
แล้วคุณแอนได้ใช้หลักพระพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิตอย่างไรบ้างคะ
ที่แอนใช้มากที่สุดคือเรื่องของการปล่อยวาง ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องใช้ให้ถูกหลัก เพราะถ้าเรายังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้วเราปล่อยวาง อย่างนี้เรียกว่าเราใช้หลักศาสนาผิดทาง การปล่อยวางนั้นหมายความว่าต้องปล่อยวางทางจิตใจ แต่ในความรับผิดชอบคุณยังต้องทำต่อ เช่น ในธุรกิจของแอน แอนมีความรับผิดชอบที่ต้องดูแลลูกน้อง ทำให้เราต้องหางานเข้าบริษัทหาเงินมาเลี้ยงดูลูกน้อง ซึ่งทำให้เราปล่อยวางไม่ได้ บางครั้งแอนเคยคิดนะคะว่าแอนอยากจะทิ้งบริษัทไปสักครึ่งปีเพื่อไปเที่ยวเล่นแต่ถ้าทำอย่างนั้นทีมงานก็จะไม่มีอะไรกิน แอนต้องยอมรับว่าวัยนี้เป็นวัยที่ต้องสร้างฐานะให้ชีวิตมั่นคง ช่วงนี้แอนเลยยอมเหนื่อยไปสักอีกสองสามปี หลังจากนี้ค่อยว่ากัน ถ้ายังต้องเหนื่อยต้องโหมแบบนี้ไปตลอด แอนก็ไม่เอาแล้ว คงจะถอยเหมือนกันค่ะ
ถ้าคุณแอนถอย แล้วเป้าหมายของชีวิตล่ะคะคืออะไร
แอนเป็นคนไม่ตั้งเป้าอะไรให้ชีวิตเลย สมัยก่อนเคยอยากมีบ้าน อยากมีโน่นมีนี่เยอะไปหมด แต่พอมาวันหนึ่งแอนซื้อคอนโดเล็ก ๆ อยู่แถวทองหล่อด้วยความที่พื้นที่มีจำกัด มันเลยสอนให้เรารู้จักความพอเพียงอย่างตู้เสื้อผ้า พื้นที่วางได้แค่ห้าตู้ ก็ทำให้แอนต้องซื้อเสื้อผ้าน้อยลงเพราะตู้มีน้อย และทำให้แอนคิดได้ว่าแม้พื้นที่จะเล็ก แต่ถ้าใจเรามีความสุข มันก็โอเค แอนชอบชีวิตที่เบ็ดเสร็จ คือเดินไปนิดหนึ่งก็ถึงเตียง เดินไปหน่อยก็ถึงโต๊ะทำงาน แอนชอบแบบนี้เพราะฉะนั้นในหัวจึงไม่มีเรื่องของการมีบ้านหลายฟังก์ชัน เช่นต้องมีห้องโฮมเธียเตอร์ หรือห้องยิมแบบนั้น แอนพอใจกับชีวิตที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ แอนไม่อยากได้อะไรใหญ่โต รถก็เหมือนกัน ทุกวันนี้แอนมีแค่รถตู้คันเดียว ไม่มีรถสปอร์ตหรือรถคันเล็ก ๆ ไว้ใช้ชีวิตแอนไม่ต้องการอะไรแล้ว และไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตตัวเองตอนนี้ต้องการอะไร ทุกวันนี้ที่ยังอยากได้อยากมีอยู่ก็คงเป็นเรื่องอยากสวย อยากมีสุขภาพดี อยากมีแก้มสีชมพู อยากผิวดี ๆ ยังไม่อยากมีผมหงอก อยากกินอาหารอร่อย ๆ อยากนอนให้เขานวดสปาให้ แอนอยากแค่นี้จริง ๆ
แล้วเรื่องความรักล่ะคะ มีความสำคัญกับชีวิตคุณแอนมากแค่ไหน
ความรักเป็นสิ่งจำเป็น ชีวิตเราคงอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากความรักแล้วยิ่งอาชีพของแอนคือนักแสดง แอนจึงอยู่ด้วยความรู้สึกล้วน ๆดังนั้นเวลาทำอะไรแอนจะใช้หัวใจมากกว่าสมอง จึงทำให้เราเหนื่อยมากและมีโอกาสรู้สึกผิดหวังเยอะกว่าคนอื่น ซึ่งแอนจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน
อย่างเรื่องชีวิตคู่ แรก ๆ ก็มีความสุขหวือหวาดี แต่พออยู่ไปนาน ๆ ก็มีทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่เข้าใจกัน ได้รู้จักกันว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ท้ายที่สุดเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ก็คงยังคบกันต่อไปจนกว่าจะเบื่อกันไปข้างหนึ่ง ซึ่งแอนไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องจัดงานแต่งงาน แต่ถ้าพ่อแม่เราเห็นว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำก็จะทำให้
คลิกที่นี่!หรือกดเลข 4 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป
คุณแอนวางแผนอนาคตไว้อย่างไรคะ
แอนเป็นคนเรื่อย ๆ ถ้าดูเผิน ๆ เหมือนแอนเป็นคนชอบวางแผนนะ แต่ความจริงแอนปล่อยให้มันเป็นไปเลย อย่างเรื่องชีวิตคู่นี่เห็นชัดมาก แอนไม่คาดหวังอะไร เพราะเท่าที่ผ่านมาบางครั้งเราพร้อม เขาไม่พร้อมหรือเขาพร้อม เราไม่พร้อม ไม่ลงตัวกันสักที แอนเลยปล่อยมันไปอย่างนี้ เอาความสบายใจเป็นหลัก ถ้าคิดว่าอยู่แบบนี้แล้วมีความสุขดีก็อยู่ไป ไม่มีรูปแบบตายตัวอะไร
ในการคบเพื่อนก็เหมือนกัน บางคนบอกว่าทำไมแอนยังคบกับคนนั้นคนนี้ที่เขานิสัยไม่ดีหรือเป็นเมียน้อยคนอื่น แอนว่าในการคบคน เราต้องแยกชิ้นส่วนให้เป็น สมมุตินะคะว่าเขาอาจไม่ใช่แฟนที่ดี แต่เขาเป็นเพื่อนที่ดีได้ แอนก็ยังจะคบกับเขาอยู่ เราต้องพิจารณาเป็นส่วน ๆ ไป ไม่อย่างนั้นเราก็ต้องเอาทุกคนออกจากชีวิตไปหมด เพราะไม่มีใครหรอกค่ะที่ดีพร้อม ทุกคนมีด้านมืดของตัวเอง แต่แอนจะเลือกคบในส่วนดีของเขา แอนเป็นคนอย่างนั้นค่ะ
ทราบมาว่าคุณแอนชอบช่วยงานจิตอาสาด้วย งานที่ทำอยู่ตอนนี้มีอะไรบ้างคะ
แอนเป็นทูตมะเร็งเต้านมของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ค่ะ ที่ได้เข้าไปร่วมโครงการกับเขาก็เพราะแอนไปตรวจมะเร็งเต้านมที่ศูนย์สิริกิติ์กับ คุณหมอกฤษณ์ จาฏามระ ท่านเลยชวนให้แอนเป็นแอมบาสเดอร์ของโครงการฯ ช่วยรณรงค์ให้คนใส่ใจไปตรวจมะเร็งเต้านมค่ะ นอกจากนี้แอนก็ยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสภากาชาดไทยด้วย เพราะแอนเคยไปบริจาคอวัยวะ เขาเลยให้แอนช่วยรณรงค์ให้คนมาบริจาคอวัยวะค่ะ
คลิกที่นี่!หรือกดเลข 5 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป
ในฐานะที่คุณแอนเป็นทูตมะเร็งเต้านม คุณแอนจะพูดให้กำลังใจคนที่กำลังเผชิญโรคนี้อย่างไรคะ
แอนว่าถ้าเรามีโรค การมีเงินทองมากมายมันก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ แอนอยากให้คนที่กำลังเผชิญกับโรคอยู่หายเร็ว ๆ เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องของกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราหายได้และแอนเชื่อว่าการศึกษาธรรมะจะช่วยให้ไม่เครียด ช่วยให้ผ่อนคลายและปล่อยวางได้ แอนว่ามะเร็งจะลุกลามตามความเครียดถ้าเราไม่เครียดเสียอย่าง เราก็จะชนะทุกอย่าง การศึกษาธรรมะช่วยได้ค่ะ แอนมั่นใจ
เวลามีความทุกข์เข้ามาในชีวิต คุณแอนทำอย่างไรให้คลายทุกข์คะ
แอนจะสะกดจิตตัวเอง ถ้าทุกข์มาก ๆ แอนจะตั้งสติถามตัวเองและพิจารณาดู ว่าเราเคี่ยวเข็ญตัวเองมากไปหรือเปล่า แอนพยายามคิดให้ได้ว่าชีวิตมันสั้นนะ ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง พยายามปล่อยวาง คิดว่าช่างมันเหอะ และพยายามดึงตัวเองออกจากความทุกข์ บอกกับตัวเองว่าให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปอยู่กับอดีตที่ผ่านไปแล้วหรืออนาคตที่เราคาดหวัง แอนว่าบางครั้งคนเราชอบคิดถึงแต่อดีตและอนาคตจนลืมปัจจุบันซึ่งเป็นจุดที่เรายืนอยู่
จุดที่คุณแอนยืนอยู่ทุกวันนี้ เป็นจุดที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จมากเลยนะคะ
ค่ะ ก็ถือว่าดีกว่าหลาย ๆ คน ดีกว่าที่แอนคิดไว้มาก นั่นเป็นเพราะแอนใช้หัวใจทำงาน แอนไม่เอาเปรียบใครและพยายามจริงใจกับทุกคน แต่บางครั้งเมื่ออยู่ในโลกธุรกิจ มันก็ต้องมีชั้นเชิงบ้างต่อรองบ้าง เขี้ยวบ้าง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ และทำไปเพื่อความอยู่รอด แต่ทุกอย่างก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความแฟร์ เพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ ซึ่งแอนก็โอเคกับชีวิตขณะนี้มาก ๆ และสามารถพูดได้ว่า
“ชีวิตตอนนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”
Secret BOX
จริงใจได้แต่อย่าจริงตลอดเวลา
เพราะชีวิตต้องระวัง
แอน ทองประสม