ผมเกิดและเติบโตที่จังหวัดลำปาง พ่อแม่แยกทางกันตอนผมอยู่ ป.1 ในวัยเด็กผมเป็นเพียงเด็กเกเรคนหนึ่งที่มีใจรักการเล่นกีตาร์เท่านั้น รังสรรค์ ปัญญาเรือน
ผมเรียนอยู่ที่ลำปางจนถึง ม.5 แล้วย้ายมาอยู่กับน้าที่จังหวัดนครราชสีมา น้าของผมเปิดโรงเรียนสอนดนตรี ผมจึงได้ฝึกเล่นกีตาร์คลาสสิกอย่างจริงจัง โดยน้าคอยสอนคอยชี้แนะให้อย่างใกล้ชิด ผมฝึกซ้อมอย่างหนักจนสุดท้ายก็ฝีมือดีพอจะเป็นครูสอนกีตาร์คลาสสิกให้เด็ก ๆ ในโรงเรียนสอนดนตรีของน้าได้
ช่วงม.ปลาย ผมตั้งวงดนตรีกับเพื่อน เริ่มแกะเพลงไปจนถึงเขียนเพลงเอง แล้ววันหนึ่งผมกลับรู้สึกว่ากีตาร์คลาสสิกไม่ใช่ทางของผม แม้จะรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่เล่นเพลงใหม่ ๆ ได้ แต่ภายในใจกลับรู้สึกว่า “ทำไมเราเครียดจังวะ ทำไมเราเล่นแล้วไม่มีความสุขเลย”
วันหนึ่งผมจึงบอกน้าว่าอยากไปเรียนกีตาร์บลูส์ น้าโมโหมาก เพราะเขาสอนกีตาร์คลาสสิกให้ผมมาตั้งแต่แรก จากนั้นเราก็ทะเลาะกันใหญ่โต จนผมออกจากบ้านน้ามาเช่าบ้านอยู่เอง เพียงเพราะคิดว่า “ไม่ว่าเส้นทางชีวิตข้างหน้าจะลำบากแค่ไหน เราก็ขอเลือกอนาคตและความสุขของตัวเอง”
จากวันนั้นชีวิตของผมก็เริ่มจากศูนย์ ผมยังคงต้องเรียนเพื่อให้จบม.6 แต่ผมไม่มีเงินติดตัวเลย จึงต้องรับจ้างทำงานทุกอย่างเพื่อให้มีเงินพอกินพอใช้ ช่วงนั้นตอนกลางคืนผมเล่นกีตาร์ที่ร้านอาหารพอให้มีรายได้เลี้ยงตัวเอง หลังจากเรียนจบม.6 มาได้อย่างทุลักทุเล ผมก็เดินหน้าทำงานอย่างจริงจัง โดยหวังว่าสักวันจะต้องทำงานหาเลี้ยงแม่และยายให้ได้ ผมทำงานทุกอย่างตั้งแต่พนักงานขายรองเท้าในห้างสรรพสินค้า เด็กเสิร์ฟ เด็กจัดโต๊ะ ทำขนมรังผึ้งขาย ทอดลูกชิ้นขาย แล้วแต่โอกาสจะพาไป
แต่งานหนึ่งที่ผมทำมาตลอดและไม่เคยทิ้งเลยคือ การเล่นดนตรี
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังทอดลูกชิ้นขาย “มีน” เพื่อนสนิทของผมซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกวงดนตรี “เดอะแบนตั้ม” (The Bantam) ที่เราชักชวนเพื่อนสมัยม.ปลายที่เคยเล่นดนตรีด้วยกันมาตั้งวงดนตรี เพื่อรับงานอย่างจริงจัง เขาเอาใบสมัครประกวดร้องเพลงรายการเดอะวอยซ์ (The Voice) ที่กรอกเสร็จเรียบร้อยแล้วมายื่นให้ และบอกให้ผมไปสมัคร แต่ผมไม่สนใจ และบอกเพื่อนไปว่า ผมเป็น “มือกีตาร์” ไม่ใช่ “นักร้อง” แม้ผมจะเคยขึ้นเวทีร้องเพลงตามร้านอาหารมาบ้าง แต่ผมไม่เคยคิดจะไปสู้กับผู้เข้าประกวดชั้นเซียนในรายการนั้นเลย
“แกแค่ไปเพื่อให้ได้ออกทีวี เพื่อประกาศตัวว่ามีวงดนตรี คนจะได้รู้จัก วงของเราจะได้มีงานมากขึ้น”
ด้วยเหตุผลเท่านี้เองที่ผมตัดสินใจส่งใบสมัครในวันรุ่งขึ้น การผ่านรอบออดิชั่นที่โคราชเข้าสู่รอบบลายด์ออดิชั่น (Blind Audition) และได้ออกทีวี มันเหมือนกับถูกหวย ผมคิดว่านี่แหละถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้แล้ว แต่สุดท้าย พี่แสตมป์ (อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข) ก็หันมาเลือกผมเข้าทีม
ตลอดระยะเวลาที่เข้ารอบมาเรื่อย ๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เป็นแชมป์ คิดเพียงว่าต้องทำให้แต่ละโชว์ออกมาดีที่สุด ขนาดตอนที่ประกาศชื่อแชมป์เดอะวอยซ์ ผมก็ยังยืนงง ไม่คิดว่าเป็นตัวเองเลย จนกระทั่งพี่แสตมป์วิ่งขึ้นมากอดบนเวที
หลังจากได้ตำแหน่งแชมป์ ชีวิตความเป็นอยู่ของผมก็ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผมสามารถหาเลี้ยงแม่และยายได้ ท่านทั้งสองเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม การที่ทำให้แม่และยายมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทั้งสองต้องการได้ ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตแล้ว
ทุกวันนี้ผมทำได้อย่างที่หวังทุกอย่าง นั่นเป็นเพราะ “ดนตรี” ที่นำทางให้ผมก้าวมาสู่เป้าหมายสูงสุดในชีวิต
Secret BOX
จงเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง
ดีกว่าเดินตามเส้นทางอันสวยหรูที่คนอื่นกำหนดไว้ให้
รังสรรค์ ปัญญาเรือน
ที่มา นิตยสาร Secret ฉบับที่ 162
เรื่อง รังสรรค์ ปัญญาเรือน
เรียบเรียง เชิญพร คงมา
ภาพ วรวุฒิ วิชาธร
บทความน่าสนใจ