นิพพานคือภาวะสงบเย็นที่เกิดจากการหยุดปรุงแต่ง ไม่มีความสำคัญมั่นหมายในตัวตน นิพพานมีหลายระดับ ถ้าเป็นนิพพานที่สมบูรณ์ หรือ สมุจเฉทนิโรธ เกิดขึ้นได้เมื่อหมดกิเลสสิ้นเชิง เพราะมีปัญญาแจ่มแจ้งในพระไตรลักษณ์ จนไม่มีความยึดติดถือมั่นอีกต่อไป ส่วนนิพพานชั่วขณะ หรือ ตทังคนิโรธ จะเกิดขึ้นได้เมื่อเรามีธรรมะมาระงับดับกิเลสเป็นคราว ๆ ไป เช่น มีสติเมื่อผัสสะเกิดขึ้น ก็ไม่ปรุงเป็นตัวตน ไม่เกิดกิเลสขึ้นมา สภาวะเช่นนั้นท่านพุทธทาสเรียกว่า “จิตว่าง”
จิตว่างในที่นี้คือว่างจากตัวตน ถือว่าเป็นนิพพานชั่วขณะ นี่แหละคือนิพพาน…ที่นี่…เดี๋ยวนี้
คำว่า “นิพพาน…ที่นี่…เดี๋ยวนี้” ยังหมายความได้อีกว่า ที่นี่และเดี๋ยวนี้ มนุษย์ทุกคนสามารถจะนิพพานได้ เช่น พระสาวกบางรูปบรรลุนิพพานขณะกำลังแสดงกายกรรมอยู่บนเชือก บางท่านบรรลุธรรมตอนจะหมดลมหายใจ บางท่านเกิดดวงตาเห็นธรรมขณะที่กำลังเชือดคอตนเองเพราะผิดหวังในการบวช บางท่านเป็นคนแก่เดินถือไม้เท้าแล้วล้มลง พอเห็นทุกขเวทนาเกิดขึ้นก็บรรลุธรรมเดี๋ยวนั้น บางท่านบรรลุธรรมขณะที่กำลังแสดงธรรมให้คนอื่นฟังอยู่ นี่คือตัวอย่างในสมัยพุทธกาลที่แสดงว่าทุกที่ทุกเวลาเราสามารถบรรลุนิพพานได้ เพราะนิพพานมีอยู่แล้ว นี่เรียกว่า “สมุจเฉทนิโรธ” เป็นนิพพานแบบหมดกิเลสอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นนิพพานของพระอรหันต์
แต่นิพพานที่ปุถุชนอย่างเราสามารถสัมผัสได้คือ นิพพานชั่วขณะ เราสัมผัสได้เมื่อมีสติในทุกผัสสะที่เกิดขึ้น เมื่อจิตว่างจากการปรุงแต่งเป็นตัวตนขณะใด ก็ถือว่านิพพานเป็นขณะ ๆ ไป…ซึ่งเกิดได้ทุกที่ทุกเวลาเช่นกัน
ที่มา นิพพาน…ที่นี่…เดี๋ยวนี้ โดย 4 พระผู้นำทางปัญญาแห่งยุคสมัย สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
บทความน่าสนใจ