เริ่มต้นความสัมพันธ์ กับใครสักคนได้หรือยัง? 9 สิ่งที่บ่งบอกว่าเราพร้อมมีรักครั้งใหม่

9 สิ่งที่บ่งบอกว่าเราพร้อม เริ่มต้นความสัมพันธ์ กับใครสักคนแล้ว

บางครั้งเราอาจไม่แน่ใจว่า เราพร้อมที่จะ เริ่มต้นความสัมพันธ์ กับใครสักคนแล้วหรือยัง จะทราบได้อย่างไรว่าคุณ “พร้อม” ที่จะเปิดใจรับใครหรือยัง และจะมีวิธีอย่างไร ในการ เปิดใจ รับคนใหม่ให้ก้าวเข้ามาในชีวิตและในหัวใจของคุณ ถามใจตัวเองให้ชัดเจนกับ 9 สิ่งที่จะช่วยให้คุณรู้ใจตัวเองมากยิ่งขึ้น

::: ให้เวลากับตัวเอง :::

ก่อนที่จะให้เวลาใคร อย่าลืมให้เวลากับตัวเราเองเสียก่อน โดยเฉพาะเวลาในการ “คิด” ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง ทำความเข้าใจกับความรู้สึกของเราในขณะเวลานั้น ลองถามใจของเราดู ว่าขณะนี้เรากำลังรู้สึกอย่างไร และเราพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนหรือยัง

::: เลิกกลัวการเริ่มต้นใหม่ :::

สำหรับบางคน การเริ่มต้นใหม่เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก อาจเพราะหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวด ผิดหวัง สิ้นหวัง เข็ดหลาบจากความรัก ความสัมพันธ์ครั้งเก่า ความรู้สึกกลัวการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ขาดความมั่นใจ ไม่รู้สึกอยากพบเจอใคร ไม่รู้สึกอยากมีใครเข้ามาในชีวิต อยากอยู่คนเดียว รักความสันโดษ

หากเรายังรู้สึกเช่นนี้ ลองหยุดพักสักนิด อยู่กับตัวเองให้มากขึ้น เมื่อถึงวันที่สภาพจิตใจ และ ความรู้สึกของเราพร้อมที่จะรับใครเข้ามาเพิ่ม เราก็จะรับรู้ได้เองว่าถึงเวลาที่เราพร้อมจะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่แล้วล่ะ

::: ลืมคนเก่าให้ได้ก่อน :::

จัดการกับความรู้สึกของตนเองให้ชัดเจนเสียก่อน อย่าจมอยู่กับอดีต อยู่กับตัวเอง จนกว่าเราจะสามารถตัดใจ ทำใจ ปล่อยวาง ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น

อย่าด่วนตัดสินใจคบใครเพียงเพื่อจะให้เขาเข้ามาแทนที่ใคร เมื่อคุณเลิกรู้สึกเจ็บปวดจากความสัมพันธ์กับคนรักเก่าของคุณแล้ว เมื่อนั้นคุณจึงพร้อมที่จะรับใครคนใหม่เข้ามาอยู่ในหัวใจของคุณแล้วค่ะ

::: รักตัวเอง มองเห็นคุณค่าในตัวเอง :::

อย่าคาดหวังให้ใครมามองเห็นคุณค่าในตัวคุณ คุณเองต้องมองเห็นคุณค่าในตัวเองให้ได้เสียก่อน

ก่อนที่คุณจะรักใคร ลองถามตัวเองดูก่อนว่าคุณรักตัวเองแล้วหรือยัง เพราะถ้าคุณรักตัวเอง ดูแลตัวเอง มองเห็นคุณค่าในตัวคุณเอง คุณก็จะสามารถมอบความรัก ความเข้าอกเข้าใจให้ผู้อื่นได้ สามารถที่จะดูแลเขา รักเขาด้วยความจริงใจ และมองเห็นคุณค่าในตัวของเขาได้เช่นกัน ดังนั้น อย่าลืม “เติมใจ” ของเราให้เต็มเสียก่อน แล้วจึงค่อยเติมสิ่งที่เรามีให้กับผู้อื่นต่อ

เมื่อคุณสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้แล้ว คุณก็พร้อมที่จะรักและดูแลคนใหม่ให้ดีได้แล้วค่ะ

::: เป็นตัวของตัวเอง :::

การเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยการแสดงความจริงใจ เปิดเผยตัวตนของตนเองให้อีกฝ่ายทราบ จะเป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ความเข้ากันได้ของคนสองคน ว่าทั้งเราและเขาเหมาะสมกันหรือไม่ มีไลฟ์สไตล์และตัวตนที่เข้ากันได้จริงๆ หรือไม่ หากเข้ากันได้ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองเดินหน้าได้เร็วขึ้น แต่ถ้าหากเข้ากันไม่ได้ คุณและเขาก็จะได้รับรู้ความแตกต่างนี้อย่ารวดเร็ว ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำจนสูญเสียความเป็นตัวเองไป

::: ใจเย็น ๆ ค่อยเป็นค่อยไป :::

ให้เวลาและปัจจัยหลายๆ อย่างเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจและความเข้าใจ อย่าใจร้อน เร่งรัดให้ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เวลาค่อยๆ ทำหน้าที่ของมันไปอย่างที่ควรจะเป็น และอย่าคาดหวังว่าความสัมพันธ์ครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นจะต้องจบลงที่การได้คบเป็นแฟนกันเท่านั้น เพราะบางทีเราอาจจะไม่ได้เปิดใจเพื่อรับคนคนนี้เข้ามาเป็นคนรัก แต่เปิดใจเพื่อที่จะรับคนคนนี้เข้ามาเป็นเพื่อนที่รู้ใจก็ได้ค่ะ

::: อย่าเปรียบเทียบกับอดีต :::

สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมันได้เกิดขึ้นไปแ้ว ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ สิ่งที่สูญเสียไปก็ไม่สามารถนำกลับคืนมาได้ การจมอยู่กับอดีต นำอดีตที่เจ็บปวดหวนกลับมาทิ่มแทง ทำร้ายปัจจุบันอยู่เสมอนั้น จะยิ่งทำให้ชีวิตของคุณมีแต่ความทุกข์

ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง นำความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียน แต่อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถย้อนไปแก้ไขได้

ไม่มีใครชอบถูกเปรียบเทียบกับคนอื่น คนรักใหม่ของคุณก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นพึงระวังการเปรียบเทียบปัจจุบันกับอดีต และดูแลรักษาความรู้สึกของคนรักของคุณให้ดีนะคะ

::: จริงจัง และ จริงใจกับความสัมพันธ์ :::

หากคุณตั้งต้นความสัมพันธ์ด้วยความรู้สึกหวาดระแวง หรือคิดแค่จะคบเล่นๆ คุยเล่นๆ ไม่จริงจัง ความสัมพันธ์ก็ยากที่จะสานต่อไปได้อย่างราบรื่น

::: ปล่อยไปตามหัวใจ :::

อย่าฝืนความรู้สึกของตนเอง และอย่ากำหนดกฎเกณฑ์และเงื่อนไขให้กับตนเองมากเกินไปจนน่าอึดอัด ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามที่ควรจะเป็น แล้วหัวใจของคุณจะให้คำตอบกับคุณเองว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ดีหรือไม่ และคุณควรเปิดใจให้คนคนนี้มีโอกาสได้ก้าวเข้ามามากน้อยเพียงใด

เขียนโดย: พิระดา ธรรมวีระพงษ์ (แอม)
Author: Pirada Tumweerapong (Amm)

ขอขอบคุณภาพจาก Pinterest