Dhamma Daily : โดยปกติ คนเราจะต้องกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร แล้วจะรักษา ศีลข้อหนึ่ง ได้อย่างไร
ถาม: พระอาจารย์ขอรับ โดยปกติคนเราจะต้องกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร แล้วจะรักษาศีลข้อหนึ่งได้อย่างไร
ตอบ: ถ้าจะรักษาศีลข้อนี้ก็ต้องไม่ฆ่าสัตว์ โดยต้องดูว่าเป็นสัตว์เป็นหรือสัตว์ตาย ต้องดูว่าเรามีเจตนาฆ่าหรือเปล่า คือถ้าซื้อสัตว์เป็นมาฆ่าทำอาหารเป็นปาณาติบาต ถ้าซื้อสัตว์ตายมาทำก็ไม่เป็นปาณาติบาต นอกจากนั้นก็ยังต้องพิจารณาด้วยว่าครบองค์ ๕ ซึ่งประกอบด้วย หนึ่ง ปาโณ สัตว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ สอง ปาณสญฺญิตา เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต สาม วธกจิตฺตํ เรามีจิตคิดจะฆ่า สี่ อุปกฺกโม เราพยายามเพื่อจะฆ่า ห้า เตน มรณํ สัตว์นั้นตายเพราะความพยายามนั้นๆ ถ้าครบทั้งหมดก็ถือเป็นปาณาติบาต
ถาม: ถ้าเช่นนั้นคนที่มีอาชีพฆ่าสัตว์ก็ต้องรับบาปข้อนี้ไปเต็มๆ สิขอรับ ทั้งๆ ที่เขาประกอบอาชีพสุจริต
ตอบ: ถ้าเราฆ่าสัตว์จะเป็นอาชีพหรือไม่ก็ผิดศีล เป็นปาณาติบาตทั้งหมด แต่ถ้าเราไม่ได้ฆ่ามากินหรือไม่ได้จงใจฆ่าเพื่อเอาชีวิต มันก็ไม่ถือเป็นปาณาติบาต ซึ่งจะแตกต่างจากคนที่เป็นตำรวจหรือทหารที่มีหน้าที่ดูแลปกป้องประเทศ เมื่อมีข้าศึกมาก็ต้องป้องกันแผ่นดิน บางครั้งจึงอาจเกิดความรุนแรงถึงขั้นฆ่าฟันกันอย่างนี้ถือว่าไม่มีเจตนาฆ่า แต่เป็นการทำตามหน้าที่ ดังนั้น การจะพิจารณาว่าผิดศีลหรือไม่จึงต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก
ถาม: แล้วอย่างกรณีที่คนเราหลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น การไล่มดที่มากินอาหารหรือตบยุงเวลานอนล่ะขอรับ
ตอบ: เรารู้ว่าเขามีชีวิต เราคิดฆ่าเขา จากนั้นเราก็ลงมือทำจนเขาตายหรือแม้แต่การพยายามจะฆ่าเขา ก็ถือเป็นปาณาติบาตทั้งนั้น ดังนั้น วิธีหลีกเลี่ยงก็คือ การนึกถึงใจเขาใจเรา พยายามให้อภัยหาทางไล่เขาออกไปด้วยวิธีที่ไม่ต้องทำลายชีวิตเขา จะได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันโดยสันติ ทำได้ดังนี้ย่อมดีที่สุด
ธรรมะจากพระอาจารย์มานพ อุปสโม : พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา
บทความน่าสนใจ
เหนือกว่าศีล 5 คือ กุศลกรรมบถ 10 โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
ไขข้อข้องใจเรื่องของ การทำร้ายสัตว์ พร้อมผลกรรมจากการผิดศีลข้อ 1