เทคโนโลยีของจิต บทความให้แง่คิด จาก พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)
ท่านผู้อ่านของข้าพเจ้าคงจะเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ข้าพเจ้าจะพูดเรื่องอะไร บางท่านอาจคิดว่าเทคโนโลยีจะเกี่ยวข้องกับจิตได้อย่างไร จิตมีเทคโนโลยีด้วยหรือ การทำงานของเครื่องเทคโนโลยีกับจิตเหมือนกันด้วยหรือ อาจมีคำถามหลากหลายตามมา
ข้าพเจ้ามีความคิดว่า สิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์ผลิตขึ้นมาล้วนมาจากจิตก่อน ประการต่อมาคือการเลียนแบบธรรมชาติ เราเห็นนกบินก็อยากบินได้เหมือนนก จิตก็คิดหาวิธีผลิตเครื่องร่อน ใส่เครื่องยนต์ต่อมากลายเป็นเครื่องบิน เราเห็นปลาดำน้ำ เราก็อยากอยู่ในน้ำได้เหมือนปลาบ้าง จิตก็คิดหาวิธีผลิตเรือดำน้ำ เทคโนโลยีเหล่านี้เกิดจากอะไร ถ้ามิใช่เกิดจากจิต
หันมาดูจิตกับการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ที่จิตมนุษย์ผลิตขึ้นมาใช้งานแทนความสามารถในการจำของคน มนุษย์ก็ผลิตเลียนแบบร่างกาย คือสมองและจิตใจของเรานี่เอง สร้างให้มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทำงานร่วมกัน มีระบบการจำ การป้องกันไวรัส ระบบการลบข้อมูลที่เสียทิ้งได้ แล้วลงโปรแกรมใหม่
การทำงานของคอมพิวเตอร์เลียนแบบการทำงานของร่างกายและจิตใจเราทุกอย่าง ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงเห็นว่า ต่อไปในอนาคตข้างหน้า มนุษย์จะลำบากมาก เพราะมีอุปกรณ์เทคโนโลยีมาเสริมความเร็วของจิต เสริมความจำ มนุษย์จะหยุดไม่ได้และจะไม่สามารถทำงานได้เอง สมองอาจจำอะไรไม่ได้เพราะมีเครื่องช่วยจำ พระองค์ทรงเห็นว่า ถึงอย่างไรเทคโนโลยีก็ไม่สามารถทำงานได้ละเอียดเท่าจิต มนุษย์คิดได้ แต่คอมพิวเตอร์คิดไม่เป็น ทำได้เพียงเลียนแบบเท่านั้น
พระองค์จึงทรงสร้างระบบการทำงานของจิตขึ้นมา 3 หลักคือ ไตรสิกขา ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ศีล เหมือนระบบป้องกันไวรัส ซึ่งไวรัสเปรียบได้กับกิเลส สมาธิ เหมือนระบบความจำ จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของจิต ทำให้คิดได้อย่างเป็นระบบ ปัญญา เหมือนระบบลบข้อมูลที่เสียทิ้งไป แล้วลงโปรแกรมใหม่เครื่องก็ทำงานใหม่ได้ พระเรียกว่า “วิปัสสนา” คือ การพิจารณาเรื่องการปล่อยวาง ว่าง เย็น ไม่ยึดมั่นในสิ่งใด มองเห็นสรรพสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เมื่อวางแล้วก็ได้ชื่อว่าลบข้อมูลทิ้งโดยไม่ต้องลงโปรแกรมใหม่ ท่านเรียกว่า “นิพพาน” คือ ดับทุกข์ในสังสารวัฏได้อย่างครบวงจร
ที่มา นิตยสาร Secret