ผู้หญิงหัวใจแกร่ง บีม - วรานิษฐ์ จิราโรจน์เจริญ (1)
เรื่อง วรานิษฐ์ จิราโรจน์เจริญ
เรียบเรียง เชิญพร คงมา
ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี
กว่าที่ชีวิตของ บีม - วรานิษฐ์ จิราโรจน์เจริญ ลูกสาวดี๋ ดอกมะดัน จะมีความสุขได้อย่างทุกวันนี้ เธอเคยเผชิญกับปัญหาชีวิตที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่อาการป่วยของคุณพ่อและน้องสาว ภาระหนี้ก้อนโต รวมไปถึงการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะเป็นซิงเกิ้ลมัม
วันที่ Secret ไปพูดคุยกับเธอ คุณบีมตั้งครรภ์เดือนที่ 5 แต่ว่าที่คุณแม่ยังสาวคนนี้ยังคงทำงานตามตารางงานแน่นเอี้ยดเหมือนปกติ เธอทักทายเราอย่างยิ้มแย้มและพร้อมถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตที่ตัวเธอเองยังเอ่ยปากว่า
“ชีวิตของบีมเอาไปสร้างเป็นละครได้เลย”
ความรักจากพ่อ
หลายคนเข้าใจว่าคุณพ่อและคุณแม่คงเลี้ยงบีมอย่างทะนุถนอม แต่ความจริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้นเลย เพราะพ่อกับแม่เลี้ยงบีมและเบลล์ - น้องสาว มาแบบติดดินพ่อสอนให้เราสองคนกินง่ายอยู่ง่าย พ่อเป็นคนใต้ จึงสอนให้เรากินอาหารพื้นเมืองทั้งสะตอ น้ำบูดู บีมกินได้สบาย มีอะไรให้กินก็กินได้หมด ที่สำคัญคือพ่อกับแม่ไม่เคยตามใจลูก ๆ เลย ถ้าอยากได้ของเล่นชิ้นไหนก็ต้องเก็บเงินซื้อเอง หรือไม่ก็ต้องช่วยทำงานแลกกัน
บีมและเบลล์เติบโตมาในช่วงที่พ่อมีชื่อเสียงแล้ว ทำให้พ่อไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับครอบครัว แต่เราทั้งสองพี่น้องก็ไม่เคย
รู้สึกขาดความรักจากพ่อ เพราะมีแม่คอยดูแลอยู่ไม่ห่างตลอดเวลา แม้ในแต่ละวันเราจะเจอหน้าพ่อแค่ช่วงเย็นก่อนที่พ่อจะออกไปทำงาน แต่พ่อก็จะโทร.คุยกับลูก ๆ ทุกวันถ้ามีเวลาว่างพ่อจะให้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังชอบพาเราสองพี่น้องไปเที่ยวกองถ่ายหรือที่คาเฟ่เสมอ เพื่อให้เราได้สัมผัสชีวิตการทำงานของพ่อ ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าทำไมพ่อถึงไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกมากนัก
มรสุมลูกแรกในชีวิต
คุณพ่อมีโรคประจำตัวคือโรคหอบหืดแต่พ่อก็ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ยังคงสูบบุหรี่จัดและเลี้ยงสุนัขขนยาว ทั้งที่ตัวเองแพ้ขนสุนัขพักหลังเราทุกคนเห็นพ่ออาการกำเริบบ่อย ๆต้องคอยพ่นยาตลอดเวลา ครั้งหนึ่งอาการกำเริบหนักมากจนถึงกับช็อกหมดสติ แต่โชคดีที่ถึงมือหมอทันเวลา คุณหมอจึงปั๊มหัวใจช่วยชีวิตไว้ได้และเตือนพ่อว่า
“อย่าใช้ชีวิตแบบนี้อีก เพราะคราวหน้าอาจจะไม่โชคดีแบบนี้อีกแล้ว”
แต่ใครจะคิดว่าอีกสองปีต่อมาโชคจะไม่เข้าข้างครอบครัวของเราเหมือนในครั้งนั้น…
เช้าวันหนึ่งบีมได้รับโทรศัพท์จากคนสนิทของพ่อ โทร.มาแจ้งว่ากำลังพาพ่อส่งโรงพยาบาล เราตกใจมากเพราะไม่ทราบว่า อาการหนักแค่ไหน ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้พ่อไม่เป็นอะไรมาก
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ภาพที่เห็นคือพ่อนอนอยู่ในห้อง CCU มีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด บีมเดินเข้าไปแตะตัวพ่อแต่ทันทีที่สัมผัสตัว พ่อกระตุกเหมือนถูกช็อต ตาเบิกกว้างแล้วก็นิ่งไป พอเห็นพ่อเป็นแบบนี้เราก็เริ่มใจไม่ดี รู้สึกได้ทันที
ว่าครั้งนี้พ่ออาการหนักกว่าครั้งไหน ๆ
คุณหมอเรียกญาติไปพบในขณะที่แม่และเบลล์กำลังวุ่นกับการเดินเรื่องต่าง ๆบีมจึงเข้าไปพบคุณหมอเพียงลำพัง
“คุณต้องทำใจแล้วนะ คุณพ่ออาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา หรือไม่ก็เสียชีวิต”
ตอนนี้บีมช็อก พูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งงัน น้ำตาไหล ในใจคิดเพียงแต่ว่า “นี่มันคือความจริงเหรอ” เมื่อคืนเรายังโทร.คุยกันอยู่เลย ไม่เห็นมีสัญญาณเตือนว่าตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้เราจะไม่ได้คุยกับพ่ออีกแล้ว
ระหว่างหนึ่งเดือนที่พ่อนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล บีม เบลล์ และแม่ต้องคอยลุ้นอาการของพ่อทุกวัน เพราะบางวันอาการก็ดีขึ้น บางวันก็ทรุดลง แต่ละวันของเราสามคนผ่านไปอย่างทรมาน จนล่วงเลยมาเดือนกว่า พ่อจึงอาการคงที่และกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านได้
เมื่อพ่อกลับมานอนรักษาตัวที่บ้านแม่ก็รับหน้าที่หลักในการดูแลพ่อ ส่วนบีมและเบลล์จะคอยช่วยเหลือตลอด เราดูแลพ่อได้ทุกอย่าง ตั้งแต่เช็ดตัว ดูดเสมหะ ปั่นอาหาร ให้อาหารเหลวทางสายยาง และทำกายภาพ ตอนแรก ๆ บีมไม่กล้าทำเพราะกลัวพ่อเจ็บ ตอนหลังคิดได้ว่าถ้าเราไม่ทำ พ่อก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บีมจึงพยายามดูแลท่านอย่างดีที่สุด
หนี้ก้อนโต
ระหว่างที่บีมและครอบครัวกำลังวุ่นกับการดูแลพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลนั้น เราไม่รู้เลยว่าจะต้องมาพบกับเรื่องร้าย ๆ อีกครั้งเพราะบ้านของเรากำลังจะโดนยึดจากหนี้ที่พ่อไปค้ำประกันให้เพื่อน บีมและแม่ต้องรีบไปติดต่อที่ธนาคาร
“เท่าไหร่นะคะ”
เมื่อได้ยินตัวเลขชัดเจนอีกครั้งก็ถึงกับช็อก จนต้องรีบเดินออกไปแอบร้องไห้
“เกือบสิบล้าน” เราจะหาเงินที่ไหนมาใช้เขาได้หมด ไหนจะค่าใช้จ่ายในการรักษาพ่ออีก นาทีนั้นบีมคิดแค้นใจคนที่ก่อหนี้ทิ้งไว้ เมื่อได้สติก็คิดว่าแค้นไปก็เท่านั้นเพราะเขาหนีไปแล้ว บีมจึงต้องรีบตั้งหลัก เพราะถือว่าตอนนี้เราเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนพ่อแล้ว บีมพยายามให้กำลังใจตัวเองและคิดบวกเสมอว่ามันคงเป็นอีกหนึ่งบททดสอบชีวิต (ภาคปฏิบัติ)
ที่เราจะผ่านพ้นไปได้หรือไม่ จากนั้นบีมก็รีบเข้าไปคุยกับธนาคารเรื่องการประนอมหนี้และการผ่อนชำระ
ในแต่ละเดือนบีมต้องหาเงินให้ได้เกือบหนึ่งแสนบาทเพื่อให้พอกับรายจ่ายในบ้านและการใช้หนี้ บีมรับงานทุกอย่าง
โดยไม่เกี่ยง คำนวณทุกอย่างเป็นเรื่องเงินหมด ข้าวของที่บ้านไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือกระเป๋าดี ๆ ก็เอาไปขายเป็นของมือสอง
เงินที่ได้มาไม่เคยเอาไปใช้ส่วนตัว เพราะต้องเอาไปใช้หนี้ทั้งหมด บีมทำงานหนักอยู่4 ปีก็ใช้หนี้หมด
ตลอดเวลาที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาผ่อนชำระหนี้และดูแลพ่อไปพร้อมกัน มีบางครั้งที่เหนื่อยและท้อแท้ใจแต่บีมจะพยายามมองหาจุดดีของช่วงเวลานั้นตลอดเวลา เพราะบีมคิดเสมอว่าทุกปัญหาต้องมีเรื่องดี ๆ ซ่อนอยู่เสมอ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับทัศนคติและมุมมองของเรา
อย่างตอนที่พ่อป่วย บีมก็มองว่ามันมีข้อดีอยู่นะ เพราะเราจะได้เห็นหน้าเขาเราได้กอด ได้หอมแก้ม และบอกรักพ่อ
ตลอดเวลาที่เราอยู่บ้าน ถ้าเป็นปกติเราก็คงไม่ได้ใกล้ชิดพ่อขนาดนี้ ที่สำคัญ เรายังมีโอกาสได้ดูแลและตอบแทนพระคุณท่าน
อย่างดีที่สุดด้วย
พ่อนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้านสามปี และจากไปอย่างสงบ…
หลังจากนั้นไม่นาน ครอบครัวของเราก็ต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยของคนในบ้านอีกครั้ง…
(โปรดติดตามตอนต่อไป)