“ชีวิตผมเหมือนเป็นหนี้พระพุทธศาสนา” ฤทธิพร อินสว่าง (1)
ในยามที่ท้อแท้ขอเพียงแค่คนหนึ่ง จะคิดถึงและคอยห่วงใย ในยามที่ชีวิตหม่นหมองร้องไห้ ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน ในวันที่โลกร้างความหวังให้วาด มันขาด มันหาย ใครจะช่วยเติมเพิ่มพลังใจให้ฉันได้เริ่มต่อสู้อีกครั้ง บนหนทางไกล …กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่ ให้ชีวิตได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวังกำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม ดั่งหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล ที่หยาดรินสู่พื้นดินแห้งผาก…
ในช่วงที่ประเทศไทยประสบกับภาวะวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ผม (ฤทธิพร อินสว่าง) ได้มีโอกาสสนทนากับหลายคนผ่านเว็บไซต์ของผม (www.ritthiporn.com) ทำให้ทราบว่าบทเพลง “กำลังใจ” ที่ผมแต่งและมีศิลปินหลายท่านนำไปขับร้อง เช่น วงโฮป อี๊ด – วงฟลาย อรวี สัจจานนท์ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร สุนารี ราชสีมา ฯลฯ ได้ช่วยพลิกฟื้นจิตใจของพวกเขาจากความท้อแท้สิ้นหวัง
แม้ว่าบางครั้งฟังแล้วอาจมีน้ำตา แต่เป็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตอีกครั้ง
ในการทำงานที่ผ่านมา ผมมีสถานะเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี และกวี แต่หลายปีมานี้ ผมใช้ชีวิตอย่างสันโดษจนทำให้หลายคนคิดว่าผมออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว ความจริงคือผมไม่ได้ออกจากวงการบันเทิงเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าเลือกพบสื่อมวลชนหรือออกสู่สังคมในโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น
“ศิลปิน” ยังเป็นบทบาทหนึ่งของผม และผมตระหนักดีว่านี่คือหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เป็นอาชีพเดียวที่ใช้เลี้ยงชีวิต เป็นช่องทางสำคัญในการทำงานสร้างสรรค์สังคมและรับใช้พระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพราะว่าศิลปินอยู่กับสื่อ สามารถสื่อสารถึงผู้คนจำนวนมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สารอันประเสริฐ” ที่ผมอยากสื่อไปถึงผู้คนมากที่สุดก็คือ“คำสอนของพระพุทธเจ้า” นั่นเอง
จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต
เมื่อปี พ.ศ. 2541 ผม ภรรยา และลูกทั้งสองคนเดินทางไปร่วมงานทำบุญอายุครบ 90 ปีของย่า วันนั้นพวกเราออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่เช้าตรู่ ไปถึงศาลาการเปรียญวัดบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ในช่วงสาย ผู้คนในอำเภอและญาติพี่น้องของผมไปร่วมงานกันจนพื้นที่บนศาลาการเปรียญดูแคบไปถนัดตา
ผมและครอบครัวนั่งอยู่ที่ด้านล่างของศาลาการเปรียญ ผมได้ยินชาวบ้านคนหนึ่งพูดว่า “พระประยุทธ์มาแล้ว” พระประยุทธ์ หมายถึงพระพรหมคุณาภรณ์ (สมณศักดิ์ของท่านในเวลานั้น คือ พระธรรมปิฎก)ท่านเป็นพระที่ชาวพุทธให้ความเคารพศรัทธาอย่างสูง ผมได้ยินเรื่องราวของท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านสอบเปรียญธรรม 9 ประโยคได้ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2542 ผมกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่อำเภอศรีประจันต์ พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์เล่มหนึ่งชื่อ “ชีวิตที่สมบูรณ์”เมื่อเปิดอ่านจึงรู้ว่าเนื้อหาในเล่มน่าสนใจมาก โดยเฉพาะข้อความที่ว่า
“เราดำเนินชีวิตไป เราก็นึกว่าถ้ายิ่งเรามีมาก เราก็จะยิ่งมีความสุขมาก เราก็หาเงินหาทรัพย์ยิ่งขึ้นไป แต่แล้วบางทีกลายเป็นว่าไปๆ มาๆเราก็วิ่งไล่ตามความสุขไม่ถึงสักที ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนีเลยหน้าไป แต่ก่อนเคยมีเท่านี้ก็สุข แต่ต่อมาเท่านั้นไม่สุขแล้ว ต้องมีมากกว่านั้น…”
ข้อความนี้กระตุกให้ผมฉุกคิดและกลับมาทบทวนตัวเอง เรื่องการตะเกียกตะกายหาชื่อเสียงเงินทองที่ทำมานานนับสิบปี รวมทั้งความยึดติดมากมาย หนังสือเล่มเล็กๆ นั้นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งสำคัญ
เมื่อกลับมาที่กรุงเทพฯ ผมตามอ่านหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์อีกมากมายอย่างต่อเนื่อง ความคิดของผมค่อยๆ เปลี่ยนไปใจสว่างไสวขึ้นเพราะแสงแห่งธรรม ผมปรับวิธีการทำงานใหม่ ไม่ทำด้วยกระแสแห่ง ตัณหา แต่ทำด้วย ปัญญา ทำอย่างมีสติ คำสอนที่ว่า“เมื่อต้องการผลก็ต้องทำเหตุปัจจัยให้ตรง ให้พร้อม และให้พอ” ของพระพรหมคุณาภรณ์นั้น ผมนำมาใช้ในการทำงานและทุกเรื่องในชีวิต
โดยเฉพาะ “โยนิโสมนสิการ” ที่พระพรหมคุณาภรณ์เขียนถึงอยู่หลายครั้ง ช่วยให้ผมมองเห็นความจริงในชีวิต รู้จักค้นหาประโยชน์จากเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย รวมทั้งแก้ไขปัญหาฝ่าข้ามอุปสรรคที่เผชิญได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมนำคำสอนของท่านมาสอนลูกๆ รวมถึงชี้ทางสว่างให้คนที่ประสบกับความทุกข์ และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสมอว่า
“การได้พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์คือการได้พบสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับชีวิต”
ผมภูมิใจมากที่เกิดมาเป็นคนศรีประจันต์เช่นเดียวกับท่าน เพราะผลงานมากมายของท่านนำพาผู้คนไปสู่ธรรมและสันติสุขอย่างแท้จริง แม้จะไม่ได้เข้าไปกราบท่านเมื่อวันงานของย่า แต่หลายปีที่ผ่านมา ผมระลึกถึงท่าน กราบท่านในใจเสมอ ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผมและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
“ความสันโดษ” เคล็ดลับของความสุข
บ้านเกิดของผมที่อำเภอศรีประจันต์อยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำที่เห็นมาตั้งแต่เด็กคือ บ้านไม้สภาพเก่าเรียงรายเป็นจำนวนมาก บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองในอดีต ที่วิถีชีวิตของผู้คนมีความใกล้ชิดผูกพันกับแม่น้ำ ก่อนที่หลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อถนนหนทางมีมากขึ้น
ที่ชั้น 2 ของบ้านมีนอกชานขนาดกว้าง นั่นคือที่ที่ผมนอนหนุนแขนแม่มองฟ้าตอนเป็นเด็ก จำได้ว่าพ่อคอยโบกพัดไปมาและชี้ให้ดูดาวดวงนั้นดวงนี้ ทั้งที่แยกไม่ออกว่าดาวดวงไหนชื่ออะไร แต่แสงระยิบระยับในค่ำคืนแห่งวัยเยาว์ก็ยังส่องใจผมตลอดมา
เกือบทุกคืนผมจะได้ยินเสียงเพลงไทยเดิมจากบ้านฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ สมาชิกในบ้านหลังนั้นเป็นนักดนตรีวงปี่พาทย์ บทเพลงที่พวกเขาซ้อมบรรเลงไพเราะจับใจและยังกังวานอยู่ในความทรงจำ เพลง“ใบไผ่” และอีกหลายเพลงที่ผมแต่งได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงที่เคยได้ยินเหล่านั้น
ทุกวันนี้ผมชอบพาลูกๆ ไปสัมผัสชีวิตวัยเยาว์ของผม ไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ ให้อาหารปลาที่หน้าวัด กินขนมหวานน้ำแข็งไสเจ้าเก่า ไปร้านตัดผมโบราณที่ผมเคยใช้บริการตอนเป็นเด็ก เก้าอี้สำหรับตัดผมตัวนั้นให้บริการลูกค้ามาหลายสิบปีแล้ว ช่างตัดผมก็ยังเป็นคนเดิมที่คุ้นเคยและผูกพันกันเหมือนญาติ
นานกว่าสิบปีแล้วที่ผมใช้ชีวิตอย่างสันโดษ หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ การที่ผมได้ศึกษาผลงานของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในการปรับเปลี่ยนชีวิตของผมในทุกๆ ด้าน ดวงตาภายในทำให้ผมเห็นโลกภายนอกที่เป็นจริงและปอกเปลือกบางสิ่งที่เคยหลงเชื่อ ซึ่งแท้จริงก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า “หลุมพรางของความไม่รู้” เลยสักนิด ผมพบคำตอบของชีวิตว่าควรวางท่าทีแบบใหม่ในการคบหาผู้คน โดยให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพของคนและความจริงใจ ส่วนการเข้าถึงความสุขนั้น “ความสงบสันโดษ” เป็นหนทางที่นำมาซึ่งความสุขอันประเสริฐ มีสติ และทำให้มีเวลาสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับตัวเอง ครอบครัว และเพื่อนร่วมโลกมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ สำหรับผม ความเป็นพ่อถือเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์เป็นความรับผิดชอบที่จะละทิ้งไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหนื่อยหนักเพียงใดก็จะขอทุ่มเทแรงกายแรงใจ ให้ความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ เวลา การอบรมสั่งสอนลูกๆ ให้ก้าวเดินไปในทางที่ดีและดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะภรรยาของผมที่เป็นทั้งคู่ชีวิตและเพื่อนแท้ที่ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกันตลอดมานั้น คงไม่มีสิ่งใดที่ผมจะตอบแทนได้ดีไปกว่าการทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่มีคุณภาพ
ที่สำคัญคือ การพยายามแก้ไขข้อบกพร่องและฝึกฝนพัฒนาตนเองอยู่เสมอ อย่างเช่น เรื่องการเลิกสูบบุหรี่ที่ผมอยากถ่ายทอดถึงวิธีการของผม ด้วยหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านผู้อ่าน
โดยเฉพาะท่านที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ แต่ยังทำได้ไม่สำเร็จ…
โปรดติดตามตอนต่อไป
Secret Box
สันโดษไม่ได้หมายความว่าหนีสังคมแต่คือใจที่สงบได้ทุกที่ทุกเวลา
ที่สำคัญอย่างยิ่ง ในความสันโดษนั้นจะต้องไม่ละทิ้งความเพียรอย่างเด็ดขาด
ฤทธิพร อินสว่าง
ภาพจาก Posttoday
“ชีวิตผมเหมือนเป็นหนี้พระพุทธศาสนา” ฤทธิพร อินสว่าง (จบ)
9 ดารานักร้องฮอลลีวู้ดที่ไม่น่าเชื่อว่านับถือ “ศาสนาพุทธ”
ปาน-ธนพร แวกประยูร นักร้องเสียงสวยผู้ไม่ต้องการกลับมาเกิดอีก